สภ.ชนบท จัดโครงการชุมชนยั่งยืน แก้ไขปัญหายาเสพติด เร่งนำเข้าสู่การบำบัด คาดว่า 3 เดือน หายขาดทุกคน
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 พ.ค. 2565 ที่วัดเจริญวารี บ้านโนนพะยอม ม.6 ต.โนนพะยอมอ.ชนบท จ.ขอนแก่น นายศักดิ์ดา ต้นคชสาร นายอำเภอชนบท พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาญศิลป์ นาสูงชน ผกก.สภ.ชนบท นำหัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำชุมชน ผู้อำนวยการโรงเรียนในพื้นที่บ้านโนนพะยอม ร่วมกันเปิดงานโครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ สภ.ชนบท ภายใต้มาตรการตรวจคัดกรอง คุมเข้มผู้เข้าร่วมในพิธีเปิดตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 อย่างเข้มงวด โดยมีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 50 คน รวมทั้งผู้ปกครองและชาวบ้านโนนพะยอมเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน
โดนนายศักดิ์ดา ต้นคชสาร นายอำเภอชนบท ได้พูดคุยกับชาวบ้าน ซึ่งเป็นมารดาของผู้ติดยาเสพติด โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา มารดาได้เดินเข้ามาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะลูกชายวัย 40 ปี ติดยาบ้า ทำร้ายมารดาและทำลายของในบ้าน จุดไฟเผามุ้งและที่นอนของมารดา เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา
โดยนายอำเภอได้แนะนำมารดาให้พูดคุยกับลูกชาย เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เข้าร่วมโครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ ของตำรวจ สภ.ชนบท เพราะโครงการดังกล่าวมีกิจกรรมดีดีมทากมาย ทั้งยังส่งเสริมอาชีพให้ผู้ติดยาเสพติดที่เป็นผู้ป่วย ที่เข้ามารับการบำบัดด้วย ซึ่งมารดาก็ยืนยันว่า ตำรวจได้ไปพบกับลูกชายแล้ว และมีการพูดคุยกันแล้ว โดยลูกชายยืนยันที่จะเข้ารับการบำบัด ตามระยะเวลาที่โครงการกำหนด 3 เดือน
พ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รองผกก.สืบสวน สภ.ชนบท หัวหน้าชุดปฏิบัติการ โครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ ของตำรวจ สภ.ชนบท กล่าวว่า เนื่องจากตำรวจภูธรภาค 4 มอบหมายให้ สภ.ชนบท ดำเนินโครงการโครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ สภ.ชนบท จึงได้ทำการสำรวจข้อมูล ชุมชนหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่สีแดง เพราะมีรายงานจากผู้นำชุมชนว่า บ้านโนนพะยอมม.6 ต.โนนพะยอม อ.ชนบท จ.ขอนแก่น มีจำนวน 250 หลังคาเรือน ประชากรจำนวน 900 คน และในจำนวนนี้ 80%ที่เกี่ยวข้องกับยาบ้าหรือยาเสพติด และในจำนวน 80% นั้น มีเด็กอายุ 12 ปี รวมอยู่ด้วย ซึ่งตรงกับรายงานจากทางโรงเรียนว่าในทุกเย็นของทุกๆวัน จะมีกลุ่มคนขี่รถบิ๊กไบค์ ขับขี่เข้ามาในโรงเรียน จึงขอให้ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบ และขณะเข้ามาจัดสถานที่ที่วัด เพื่อเริ่มดำเนินโครงการฯก็มีมารดา วัย 65 ปี เดินร้องไห้มาขอความช่วยเหลือ เพราะลูกชายวัย 40 ปี เมายาบ้าอาละวาดทกร้ายและเผาสิ่งของในบ้าน จึงรีบไปช่วยเหลือ และนำลูกชายของมารดารายดังกล่าวมาร่วมโครงการ เพื่อทำการบำบัดรักษา ในระยะเวลา 3 เดือนเมื่อหายขาดแล้วจะหาอาชีพให้ทำ ให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองและมารดาต่อไป
“หลังมารดามาขอความช่วยเหลือ ผมจึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบและพบว่าลูกชายกำลังเสพสารเสพติดให้โทษอยู่ ก็เลยเชิญตัวพูดคุย ลูกชายยอมรับว่าเสพยาบ้ามานานแล้ว มีอาการหลอนว่าจะมีคนมาทำร้ายร่างกาย หวาดระแวงแม้กระทั่งแม่ตัวเองว่าจะมาทำร้ายร่างกายหรือจะมาฆ่า แต่หลังการพูดคุย ลูกชายก็มีท่าทีอ่อนลง และคุกเข่ากราบเท้าขอโทษแม่ ทั้งยังสมัครใจเข้าโครงการชุมชนยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติแบบครบวงจร ทั้งนี้สำหรับการดำเนินโครงการ ตามขั้นตอนการปฏิบัติ ก็จะมีการเข้าโครงการตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.จนถึงวันที่ 31 ส.ค. ระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งหลังจากที่เราเข้ามาเอกซเรย์พื้นที่เพียง 3 วัน พบผู้เสพสารเสพติดแล้ว 35 คน ทุกคนยินดีเข้าร่วมโครงการ ในส่วนของการประเมินความสำเร็จของโครงการนั้น ถ้าเอกซเรย์ผู้ติดยาเสพติดแล้วนำมาร่วมโครงการ เพื่อบำบัดตามขั้นตอน หรือการทำกิจกรรมต่างๆที่ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว ยังจะต้องตรวจซ้ำ 16 ครั้งและถ้าไม่พบสารเสพติดไม่มีใครเสพสารเสพติดก็คือหาย ทุกคนก็จะได้รับบัตรพลเมืองสีขาว และถือว่าหมู่บ้านแห่งนี้สีขาว“
พ.ต.ท.นพดล กล่าวต่ออีกว่า การเลือกบ้านโนนพะยอม เป็นหมู่บ้านแห่งแรกที่ดำเนินโครงการนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชนหมู่บ้าน โดยเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งเข้าใจและรับรู้ปัญหาพิษภัยที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด เพื่อให้เกิดกระบวนการป้องกัน แก้ไข และการบำบัดยาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้าน ชุมชน และเพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินงานในหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป