ผบช.ภ.7 แถลงผลทลายแก๊งหลอกลวงสั่งจองโควต้าสลากกินแบ่งอ้างได้จากผู้ใหญ่ขายถูกใบละ 78-79 บาทเหยื่อร่วม 32 คนเสียหาย 24 ล้าน
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 65 พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.รักษ์จิตหม้อมงคล รอง ผบช.ภ.7 พ.ต.อ.กิตติภพ ชมภูนุช รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุลผกก.สส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.เจริญ ชนประเสริฐ ผกก.(สอบสวน) กส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าว ที่ สภ.หัวหิน ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
จับกุมตัวผู้ต้องหาคือ นายภาณุพงศ์ หรือชีส ชุมภารี อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาที่ 1, นายบัณฑิต หรือปอง เฟื่องฟู อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ 2, นายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ ชุมภารี อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 และนายอนุชา หรือแซม ทุ่งคำ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.5-8/2565 ลงวันที่ 28 ม.ค. 65 ตามลำดับ ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
นายภาณุพงศ์หรือชีส นายบัณฑิตหรือปอง และนายอนุสรณ์หรือกอล์ฟ ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ร่วมกันโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ด้วยการติดต่อชักชวนประชาชนทั่วไปโดยการติดต่อชักชวนคนที่รู้จัก และประกาศข้อความทางเฟซบุ๊ก ให้บุคคลทั่วไปทราบ โดยอ้างว่ามีโควต้าผู้ใหญ่ซึ่งมีโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ชักชวนให้ร่วมสั่งจองโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งสามารถซื้อได้ในราคาถูกใบละ 78-79 บาท เป็นเหตุให้ นายสิทธิชัย สายบัว กับพวกรวม 32 คน ผู้เสียหายที่หลงเชื่อว่าเป็นความจริง ได้โอนเงินสั่งจองสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหาช่วงแรกจะได้สลากตามที่สั่งซื้อ
เมื่อผู้เสียหายสั่งซื้อสลากจำนวนเงินเพิ่มมากขึ้น กลุ่มของผู้ต้องหาได้เงินไปแล้ว แต่ไม่ได้สลากมาส่งมอบสลากให้ผู้เสียหายตามที่สั่งซื้อ และเมื่อผู้เสียหายติดตามทวงถามเงินคืน นายภาณุพงศหรือชีส จึงให้ข้อเท็จจริงว่านายนายอนุชาหรือแซม เป็นผู้รับเงินต่อไปอีกทอดหนึ่ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้ง 32 คนได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 24,063,640 บาท
คณะพนักงานสอบสวน เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว จึงขอศาลจังหวัดหัวหิน ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 จากนั้นต่อมา จึงได้ทำการจับกุมตัวนายภาณุพงศ์ หรือชีส ชุมภารี, นายอนุสรณ์หรือกอล์ฟ ชุมภารี และนายบัณฑิต หรือปอง เฟื่องฟู ได้ในวันที่ 28 มกราคม 2565 และนายอนุชา หรือแซม ทุ่งคำ ได้ในวันที่ 29 มกราคม 2565
ในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาอันรวดเร็วการปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง