แถลงผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการระบบขนส่งมวลชน Monorail ปทุมธานี-รังสิต สู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
วันนี้(24มี.ค.68) เวลา 11.00 น. ณ Alive Park Hall ชั้น G ประตู G11 ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
ผม พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต และคณะผู้บริหาร อบจ.ปทุมธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยข้อมูลถึงความสำคัญของโครงการระบบขนส่งมวลชน Monorail การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงแผนการดำเนินงานในอนาคต
จังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ตลอดจนเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้า การศึกษา และการคมนาคมระหว่างกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆ ทำให้เกิดปัญหาด้านการจราจรติดขัด และปัญหามลพิษจากฝุ่นเมือง PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงได้จัดทำโครงการโครงการระบบขนส่งมวลชน Monorail เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนชาวปทุมธานี โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ร่วมกับตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำ 4 แห่ง นำโดยอาจารย์ทรรศนะ บุญอยู่ อาจารย์นครินทร์ สัทธรรมนุวงศ์ ตัวแทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
อาจารย์วันเพ็ญ วิโรจนกูฏ ตัวแทนมหาวิทยาลัยขอนแก่น
อาจารย์สกุล ห่อวโนทยาน อาจารย์กฤษณ์ เจ็ดวรรณะ ตัวแทนสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และอาจารย์วิทยา ด่านธำรงกูล สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายในงานร่วมกันแถลงถึงการดำเนินการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ระบบขนส่งมวลชนจังหวัดปทุมธานี (Monorail ปทุมธานี-รังสิต) 3 ประเด็นหลัก คือ
1. ความเหมาะสมทางวิศวกรรม เศรษฐกิจ สังคม และการเงิน
2. การออกแบบกรอบรายละเอียด ประมาณราคาค่าก่อสร้าง จัดทำแผนงานก่อสร้าง และจัดทำเอกสารประกวดราคา
3. ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งในปัจจุบันการศึกษาทั้ง 3 ประเด็นแล้วเสร็จ โดยผลการศึกษาพบว่า จังหวัดปทุมธานี พบว่ามีแนวเส้นทางที่มีศักยภาพทั้งหมด 5 เส้นทาง และกำหนดให้มีการก่อสร้างเป็นระยะทั้งสิ้น 3 ระยะ ระบบขนส่งที่เหมาะสมที่สุด คือระบบรถไฟฟ้าทางเดี่ยว (Monorail) เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการก่อสร้าง ใช้พื้นที่น้อย ลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและชุมชนทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้กำหนดเส้นทางนำร่องที่มีศักยภาพในการดำเนินการ
ทั้ง 2 แนวเส้นทาง รวมระยะทาง 24.09 กิโลเมตร ได้แก่
1.เส้นทางรังสิต-วัดเขียนเขต-คลองสี่ ระยะทางทั้งสิ้น 16.66 กิโลเมตร 12 สถานี (A4-A12) จุดเริ่มต้นที่สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง (สถานีรังสิต) ผ่านศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต-วิ่งตัดเข้าถนนรังสิตนครนายก-เลี้ยวเข้าถนนลำลูกกาคลองสี่ (ปท.30197)-สิ้นสุดทางที่ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีคลองสี่)
2.เส้นทางวัดเขียนเขต-สถานีสวนสัตว์แห่งใหม่ (คลองหก) ระยะทาง 7.43 กิโลเมตร 6 สถานี (B1-B6) จุดเริ่มต้นที่วัดเขียนเขต (ถนนรังสิต-นครนายก)-วิ่งไปสิ้นสุดที่สถานีสวนสัตว์แห่งใหม่ (คลองหก)
ทั้ง 2 แนวเส้นทางมีศูนย์ซ่อมบำรุง 1 แห่ง บริเวณศูนย์วิจัยข้าว จุดจอดและจร 1 แห่ง บริเวณสถานีสวนสัตว์แห่งใหม่ (คลองหก) และจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่สถานีวัดเขียนเขต (สถานี A6/สถานี B1) ซึ่งโครงสร้างส่วนใหญ่วางบนเกาะกลางถนนรังสิตนครนายก และถนนลำลูกกาคลองสี่ (ปท.3017) คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2575 ทั้งสองเส้นทาง อยู่ที่ 79,234 คน/วัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,332 คน/วัน ในปี พ.ศ. 2604 โดยประเมินอัตราค่าโดยสารที่ 20 บาทตลอดสาย
จากการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐศาสตร์ มูลค่าลงทุนโครงการรถไฟฟ้าทางเดี่ยว 2 เส้นทางในจังหวัดปทุมธานี ประมาณ 26,000 ล้านบาท มีผลวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) เท่ากับ 15.49% และอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน (B/C Ratio) เท่ากับ 1.41 โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีเป็นเจ้าของโครงการ ภายใต้การกำกับของกระทรวงมหาดไทย และหาแหล่งรายได้เพิ่มเติม เช่น พัฒนาพื้นที่รอบสถานี พื้นที่ใกล้เคียง ให้สิทธิ์เชื่อมต่อสถานี เพื่อลดค่าใช้จ่ายของการลงทุนและให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในสัดส่วนที่น้อยกว่าโครงการรถไฟฟ้าอื่น
หากโครงการนี้ดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้การเดินทางของประชาชนในพื้นที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ช่วยลดเวลาการเดินทาง ช่วยประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะและลดค่าใช้จ่ายทำให้การใช้ชีวิตในปทุมธานีสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของปทุมธานีช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนในพื้นที่ทำให้จังหวัดปทุมธานีเป็นเมืองที่น่าอยู่ และเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ศักยภาพในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอีกด้วย ซึ่งแผนดำเนินโครงการรถไฟฟ้าทางเดี่ยว (Monorail) ปทุมธานี ระยะที่ 1 เส้นทางรังสิต-คลองสี่ และเส้นทางวัดเขียนเขต-สวนสัตว์แห่งใหม่ (คลองหก) จะมีการนำเสนอ EIA ต่อ สผ. ภายในปีนี้ จะมีการจัดทำรายงานและการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติ การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ภายในปีหน้า และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 2571 เพื่อเปิดใช้งานในปี 2575.
#Nextปทุมธานี