หลายหน่วยงานเร่งซ่อมถนนเชื่อมขอนแก่น-เลย หลังจิตรกรหนุ่มจัดนิทรรศการกลางถนน
ประชดรัฐไม่ช่วยเหลือชาวบ้าน เบื้องต้นพบ อบจ.ขอนแก่นรับผิดชอบ แต่ด้วยงบจำกัดและระยะทางยาว จึงต้องทยอยซ่อม ขณะที่ชาวบ้านเรียกร้องให้โอนคืนกลับกรมทางหลวงชนบท เพื่อแก้ไขปัญหาถนนสายหลักเชื่อมต่อจังหวัดให้ได้อย่างยั่งยืน
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 4 ก.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Kwanyuen Ketnoo” ซึ่งได้โพสต์รูปภาพเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เพื่อต้องการสะท้อนถึงสภาพปัญหาถนนที่พังชำรุดเสียหาย โดยที่ไม่ได้รับการแก้ไขพร้อมข้อความระบุว่า
“ครั้งหนึ่งผมเกือบสูญเสียความสามารถในการวาดภาพจากอุบัติเหตุเพราะถนนชำรุดหากนี้คือการแสดงออกถึงความต้องการการพัฒนาเส้นทาง ถนนเส้นนี้นำทางสู่ความงามมากมายในชุมชน ถนนเส้นนี้มีผู้คนมากมายใช้สัญจรไปมา ถนนเส้นนี้ที่เด็กนับร้อยเดินทางไปเล่าเรียน ถนนเส้นนี้นำข้าวปลาอาหารส่งออกไปสู่เมืองใหญ่ ถนนเส้นนี้ใช้ส่งผู้คนยามวินาทีชีวิต ถนนเส้นนี้คือความไม่พัฒนา ถนนเส้นนี้หมายถึงคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน หากเพียงต้องการสื่อสารให้ทุกท่าน ได้ร่วมผลักดัน”
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ถนนเส้นทางสายดังกล่าว ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.ขอนแก่น เส้นทางวังเพิ่ม–ดงลาน–บ้านใหม่ อ.สีชมพูจ.ขอนแก่น เชื่อมต่อระหว่างทางหลวงหมายเลข 228ชุมแพ–สีชมพู–หนองบัวลำภู กับทางหลวงหมายเลข 201 ขอนแก่น–เลย
นายภาควัต ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น เขต 5 พรรคเพื่อไทย และนายณรงค์ฤทธิ์ เลิศภูเขียว นายก ทต.วังเพิ่ม พร้อมด้วยผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายของถนนเส้นทางสายดังกล่าว หลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในโซเชียลมีเดียอย่างมากพร้อมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจและรับทราบถึงสภาพปัญหาของประชาชนในพื้นที่เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและยั่งยืน
นางกฤษณา ทองแดนไทย ผู้ช่วย ผู้ใหญ่บ้าน ม. 9 บ้านโสกชาด กล่าวว่า ถนนเส้นนี้ชำรุดเสียหายมานานแล้ว ก็ไม่ได้รับการแก้ไข หรือซ่อมแซมให้แล้วเสร็จเสียที ชาวบ้านไม่รู้จะไปพึ่งใคร ซึ่งทุกคนหากบอกว่าจะมาบ้านโสกชาด หลายคนส่ายหัวและขอไปเส้นทางสายหลักขอนแก่น–เลย และย้อนกลับมาทาง จ.เลย ดีกว่า เพราะไม่มีใครที่อยากจะใช้ถนนเส้นนี้ในการเดินทางแล้ว เพราะนอกจากจะชำรุดเสียหายระยะทางมากกว่า 15 กม.แล้ว ยังคงมีรถบรรทุกหิน รถบรรทุกประเภทต่างๆ ขับกันอย่างน่ากลัว โดยไม่สนใจว่าจะเป็นเขตชุมชน และหลายคนต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ เพราะประสบอุบัติเหตุจากการขับรถผ่านเส้นทางถนนดังกล่าว ที่เป็นหลุุมเป็นบ่อตลอดทั้งสาย และยามค่ำคืนก็ไม่มีไฟส่องสว่างทั้งที่เป็นถนนสายหลักของพื้นที่ อ.สีชมพู ที่ใช้ร่วมกันหลายตำบล เป็นเส้นทางสายหลัก เชื่อมต่อจาก จ.ขอนแก่นไป จ.เลย และเป็นถนนที่ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอ ดังนั้นหากหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่สามารถซ่อมแซมหรือแก้ปัญหาได้ก็ควรที่จะโอนให้กับกระทรวงคมนาคมได้กลับมารับผิดชอบ เพื่อแก้ปัญหาใ้ห้กับคนขอนแก่นและ คน จ.เลย ที่ต้องใช้ถนนเส้นนี้สัญจรเสียที
ขณะที่ นายภาควัต ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น เขต 5 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและทำความเข้าใจกับชุมชน จึงเป็นที่ทราบร่วมกันอย่างแน่ชัดว่าถนนเส้นนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.ขอนแก่น แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัด จึงทำให้การซ่อมแซมนั้นจึงค่อยทยอยทำทีละช่วง แต่ด้วยระยะทางที่ยาวกว่า 15 กม. จึงทำให้การซ่อมแซมหลักที่ อบจ.ดำเนินการนั้นดำเนินการด้วยงบประมาณประจำปี ขณะที่เทศบาลในพื้นที่ก็ได้ทำเพียงการซ่อมแซมแต่ไม่สามารถที่จะทำได้ทั้งเส้น ซึ่งปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทั้ง 2 จังหวัดที่ต้องใช้เส้นทางนี้สัญจรได้มีการเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และวันนี้ชัดเจนว่าชาวบ้านต้องการให้อบจ.นั้น ได้โอนถนนเส้นนี้กลับไปอยู่ในความดูแลของกระทรวงคมนาคม
“ด้วยงบประมาณของ อบจ.ที่จำกัด ก็ได้ทำการซ่อมแบบเป็นระยะ ขณะที่เทศบาลในพื้นที่ก็จัดสรรงบประมาณมาร่วมทำการซ่อมแซม แต่ก็ไม่ครบทั้งเส้น ดังนั้นวันนี้นอกจากการจะมาลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพข้อเท็จจริงที่เป็นปัจจุบันแล้ว ยังคงมีการพูดคุยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ซึ่งจะเห็นได้ว่า อบจ.ได้ทำการซ่อมแซมไปแล้วในหลายจุด และก็ยังคงมีอีกหลายจุดที่พังชำรุดเสียหาย และที่สำคัญในการลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบอีกว่า รถบรรทุกหิน นั้นขับขี่กันเร็วมากแม้จะอยู่ในเขตชุมชน ทั้งยังคงมีท่าทีที่จะบรรทุกน้ำหนักเกินอีกด้วย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบมาตรวจสอบ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนให้กับชาวขอนแก่นในภาพรวม โดยเฉพาะกับการโอนถนนเส้นนี้จาก อบจ.ขอนแก่น ให้กลับไปอยู่ในความดูแลของ กระทรวงคมนาคม“
ด้านนายณรงค์ฤทธิ์ เลิศภูเขียว นายก ทต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู กล่าวว่า เทศบาลได้แก้ไขปัญหาด้วยการประสานงานร่วมกับทางอำเภอในการนำหินคลุกมาลงในจุดที่เสียหายแต่ก็ทำได้เฉพาะในเขตพื้นที่ของ ต.วังเพิ่ม รวมไปถึงการรจัดสรรงบประมาณของเทศบาลมาซ่อมแซม แต่ด้วยการที่ถนนเป็นของ อบจ.จึงต้องขออนุญาตทำตามขั้นตอนอย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นเทศบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านในพื้นที่มาโดยตลอด