ชาวบ้าน บุกศูนย์ดำรงธรรมวอน “บิ๊กตู่” จัดการด่วน หลังถูก นายทหาร ยศ “พ.อ.” หลอกจะฝากลูก-หลานเข้ารับราชการทหาร
เรียกเงินนับแสน เท่านั้นยังไม่พอหลอกลงทุนสร้างพระพิฆเนศ ส่งขายเยอรมัน หลอกลงทุนรับเหมาก่อสร้าง วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการด่วนเพราะมีคนหลงเชื่อจำนวนมาก หวั่นใช้เครื่องแบบและอิทธิพลหลอกคนไปเรื่อย
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 11 มี.ค.2565 ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น ได้มีชาวบ้านในเขตจ.ขอนแก่น และ จ.อุดรธานี รวมทั้งในหลายจังหวัดของภาคอีสาน เดินทางเข้าร้องเรียนเพื่อส่งถึง พล.ฮ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนหลังถูกนายทหารยศพ.อ. สังกัดวิทยาลัยการทัพบก (พ.อ.ชุติเทพ ราชสีหา) เข้ามาตีสนิทและหลอกลวงว่าได้โควตาจากกองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบก สามารถฝากลูกหลานเข้ารับราชการทหารได้รวมทั้งการหลอกลงทุนในประเภทต่างๆจนมีคนหลงเชื่อจำนวนมาก และได้เสียเงินให้กับพ.อ.รายนี้ไปแล้วแต่เรื่องก็เงียบหายไป ทวงถามก็ไม่ได้รับคำตอบ ทั้งยังคงไม่สามารถติดต่อได้ทั้งที่เป็นนายทหารระดับสูง มีหน้ามีตาในสังคมและเป็นบุคคลทรงอิทธิพลที่ชาวบ้านไม่กล้าตอแย จึงตัดสินใจรวมตัวกันเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งตั้งขึ้นให้ช่วยเป็นหน่วยงานกลางในการคลายความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านจำวนมากด้วย
นางวารุณี ชัยภักดี อายุ 54 ปี ชาว จ.อุดรธานี กล่าว่า ได้รู้จักกับ นายทหารยศพันเอก คนดังกล่าว ผ่านทางปู่ฤาษีและญาติธรรมสายบุญที่ จ.อุดรธานี เมื่อปี 2561 ซึ่งคนทั่วไปเรียกว่าเสธโก๋ โดยเสธคนดังกล่าวมาตีสนิทกับครอบครัว แบบมาถึงบ้าน จากนั้นก็บอกว่ามีโควตามี่จะสามารถฝากลูกหลานเข้ารับราชการทหารได้ หากคนใดทีลูกหลาน จบชั้น ม.6- ปวส. ขอให้บอกแต่ก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ตนเองและน้องสาวจึงหลงเชื่อ เนื่องจากนายทหารยศระดับพันเอก เป็นที่มีหน้ามีตาในพื้นที่ภาคอีสาน และเป็นที่ร็จักกันอย่างกว้างขวางในสายญาติธรรม ทั้งยังคงเป็นถึงระดับที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติตามนามบัตรที่ได้รับมอบ จึงแจ้งไปว่ามีหลาน 2 คนจึงขอฝากให้เข้ารับราชการทหารด้วยจากนั้นเสธโก๋ จึงมาหาที่บ้าน มากินข้าว มาตีสนิทและมาทำบุญในพื้นที่อุดรธานี โดยตลอดตนเองจึงตัดสินใจจ่ายเงินสดให้ยอดรวม 35,000 บาทขณะที่น้องสาวจ่ายเงินไปรวม 65,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ไปกู้ยืมมา โดยจ่ายเงินไปในปี 2561 โดยเสธโก๋บอกว่าให้ไปตัดชุดเครื่องแบบให้ลูก–หลานได้เลย จนกระทั่งโควิดระบาด เสธคนดังกล่าวก็บ่ายเบี่ยง อ้างสถานการณ์ไม่สู้ดีขอให้รอไปก่อน
“เราเป็นคนบ้านนอก ที่ชอบทำบุญ เมื่อเจอนายทหารระดับนายพันแต่งเครื่องแบบเต็มยศ มาหามาพูดคุยใครก็ต้องเชื่อ ทั้งการพูด การจาก็น่าเชื่อถือ จึงเชื่อใจว่าน่าจะฝากลูก–หลานเป็นทหารได้ จึงไปกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายให้ แต่เรื่องก็เงียบหายไป จนกระทั่งปี 2564 ลูก–หลาน ที่จบ ม.6 และ ปวส. ที่ผ่านมตรวจสอบรายชื่อมาตลอดก็ไม่พบจึงได้สอบถามไปก็ติดต่อไม่ได้ บ่ายเบี่ยงจึงมั่นใจว่าถูกหลอกแน่นอน จึงประสานไปอีกครั้งเพื่อขอเงินคืนก็ไม่สามารถที่จะติดต่อได้ จึงรู้ว่าถูกหลอกแล้ว จึงสอบถามญาติธรรม ในเขต ขอนแก่นและอุดรธานี ก็พบว่าถูกเสธโก๋ หลอกหลายคนโดยเฉพาะวันนี้ที่มาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมก็หลายคนทุกคนถูกหลอกเหมือนกันแต่การเรียกรับเงินแตกต่างกันบางรายหลักแสนบาทก็มี จึงตัดสินใจรวมตัวกันหวังพึ่งนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และคืนความยุติธรรมให้กับชาวบ้านด้วย ทั้งการขอรับเงินคืนหรือการดำเนินการใดๆที่ถูกต้อง และไม่อยากให้เสธโก๋ไปหลอกคนอื่นๆอีก”
ขณะที่ น.ส.คนึงนิจ ภาษาเวทย์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177 ม.9 ต.หนองหว้า อ.กุมภวาปีจ.อุดรธานี กล่าวว่า รู้จักกับเสธโก๋ เมื่อปี 2561 ผ่านญาติธรรมและผู้ที่ชื่นชอบการทำบุญ ซึ่งเสธโก๋มักจะมาทำบุญที่อุดรธานี และที่ต่างๆ ทุกครั้งจะแต่งตัวดี พูดจาดี เป็นที่เคารพของญาติธรรมอย่างมาก ซึ่งก็ไม่นึกว่าจะมีพิษมีภัยอะไร จนกระทั่งเสธโก๋ มาชวนให้ลงทุนสร้างพระพิฆเนศ เพื่อส่งขายที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นที่ต้องการและได้กำไรสูง จึงนำที่ดินไปจำนองได้เงินมา150,000 บาทได้โอนเงินให้กับเสธโก๋ ไป โดยมีการเก็บเอกสารการโอนไว้ทั้งหมด จากนั้นก็พยายามสอบถามถึงความคืบหน้าและข้อมูลในการจัดสร้างอย่างต่อเนื่อง ก็ได้รับคำตอบว่าติดสถานการณ์โควิด จนกระทั่งมาในช่วงปี 2564 เริ่มติดต่อไม่ได้ ถูกบล็อกหมายเลขโทรศัพท์จึงมั่นใจว่าถูกหลอกแล้วอย่างชัดเจน จึงรวมตัวกันของผู้เสียหาย ซึ่งก็ทราบว่าเสธคนดังกล่าวได้หลอกลวงคนในพื้นที่ขอนแก่น,อุดรธานี,เลย,สกลนคร ในรูปแบบต่างๆอย่างมาก ตนเองและผู้เสียหายที่มาร้องเรียนและส่งเรื่องถึงนายกรัฐมนตรี วันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ขอเรียกร้องความชอบธรรมและความยุติธรรมให้เกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้เสธคนดังกล่าวใช้เครื่องแบบทหารบกไปหลอกลวงคนอื่นอีก จึงขอให้ศูนย์ดำรงธรรมที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งตั้งขึ้นมานั้นได้คลายทุกข์ให้กับชาวบ้านด้วย ทุกคนอยากได้เงินคืน อยากได้เงินไปใช้หนี้ และไม่เชื่อว่าคนมีหน้ามีตาในสังคม มียศ มีเครื่องแบบ และหน้าที่การงานดี เป็นทหารรับใช้ชาติมากระทำการดังกล่าวนี้กับประชาชนเช่นนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังการยื่นคำร้องผ่านขั้นตอนของศูนย์ดำรงธรรมแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำเพิ่มเติมผู้เสียหายที่แยกเป็นแต่ละกรณีและประเภทความผิดและการร้องเรียน ก่อนที่จะประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของศูนย์ดำรงธรรมต่อไป