ดร.นิยม’เรียกร้องให้’รัฐมนตรีอนุชา’ตรวจสอบสำนักพุทธฯว่ารู้เรื่อง‘หมอปลา’บุกจาบจ้วง’หลวงปู่แสง’
หรือไม่ขอให้สอบความผิดวินัยเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวสะเทือนใจ และได้สร้างความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง
จากกรณีที่หมอปลา หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว พร้อมภรรยา ทีมสื่อมวลชน และสื่อออนไลน์บางแห่ง ได้เข้าตรวจสอบภายในที่พักสงฆ์ดงสว่างธรรม ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร หลังมีคนร้องเรียน พร้อมนำคลิปวิดีโอที่อ้างว่า หลวงปู่แสง ญาณวโร พระอริยสงฆ์ อายุ 98 ปี ลวนลามและจับหน้าอกหญิงสาว เวลาต่อมา พบว่า เป็นการจัดฉากล่อซื้อ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น ต่อมา มีนักข่าวหลายคนถูกบริษัทสำนักข่าวต้นสังกัดมีคำสั่งให้ออกจากงาน บางรายถูกพักงาน และถูกพิจารณาบทลงโทษอีกหลายราย แม้ล่าสุด หลวงปู่แสงจะให้อภัยไม่ถือโทษ แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาแล้ว
ทั้งนี้ ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย ได้มอบหมายให้ทนายความไปหาแนวทางดำเนินคดีกับหมอปลากับพวก ว่าเป็นการทำลายสถาบันพระพุทธศาสนาหรือไม่ และยังพบว่า มีกลุ่มทนายความเข้าไปเกี่ยวข้องกับก๊วนหมอปลาด้วย จึงเรียกร้องให้สภาทนายความเข้าไปตรวจสอบว่ามีการทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ โดยทนายความคนดังกล่าวร่วมวางแผนด้วยหรือไม่ หากพบว่า ได้ร่วมกันวางแผน หรือเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็ขอให้พิจารณาความผิด ถอดใบอนุญาตหรือพักมีกำหนดระยะเวลาว่าตามโทษานุโทษของทนายความ จะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
วันที่ 16 พ.ค.2565 ดร.นิยม เวชกามา เจ้าของฉายา “มหานิยม” กล่าวว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกไปจาบจ้วงหลวงปู่แสงได้ทยอยกันออกมาแสดงความรับผิดชอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหมอปลา ซึ่งเป็นตัวการวางแผนล่อซื้อหรือ ผู้สนับสนุนรายอื่นๆ แต่สำนักพุทธศาสนาจังหวัดยโสธรตลอดจนต้นสังกัดเอง ซึ่งมีหน้าที่ต้องปกป้องพระแต่กลับมีเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการไปร่วมขบวนการกับหมอปลา ยังไม่มีท่าทีที่จะแสดงความรับผิดชอบใดๆ เมื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่กำลังจะมาถึงนี้ ตนเตรียมที่จะตั้งกระทู้ถาม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่า มีการปกป้องกันหรือไม่ และตนยังทราบว่า ขณะนี้มีชาวอีสานที่รู้สึกอึดอัดกับการทำหน้าที่ของสำนักพุทธฯเตรียมไปยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีอนุชา ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นคนอีสานหรือไม่
“เนื่องจากปรากฏชัดเจนว่า ในวันดังกล่าว มีผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดยโสธรลงไปพร้อมกับคนกลุ่มนี้ด้วย คุณเป็นสำนักพุทธ ฯเป็นตัวแทนของรัฐ ทำหน้าที่แทนของพุทธศาสนิกชน มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองพระสงฆ์และพระพุทธศาสนา แต่กลับลงไปร่วมกลุ่มก๊วนกับหมอผีพวกนี้ อย่าคิดว่า จะทำได้เหมือนคราวตั้งพระครูเล็กเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์หรือเหมือนตอนพระเงินทอนวัด เขารู้ไส้รู้พุงพวกคุณกันหมดแล้ว พวกคุณรู้ หรือควรจะรู้โดยสามัญสำนึกของข้าราชการสำนักพุทธฯ ว่าคนกลุ่มนี้ไปหาหลวงปู่แสง โดยมีเจตนาแฝงเร้น คุณอยู่ในเหตุการณ์ ทำไมจึงไม่คัดค้านหรือห้ามปราม กลับปล่อยปละละเลยให้คนกลุ่มนี้หัวเราะเยาะเย้ยหยันพระชราภาพองค์หนึ่ง จนเกิดความเสียหายอย่างแรงได้อย่างไร คุณก็เห็นว่า คนกลุ่มนี้ใช้วาจาที่หยาบคายกับพระเถระผู้ใหญ่ ต่อหน้าต่อตาของคุณ เรื่องนี้รัฐมนตรีต้องมีคำตอบ”ดร.นิยมกล่าว