อดีตพยาบาลสาว 2 ราย เข้าพบ “ปวีณา” ให้ข้อมูลระหว่างถูก “ฮารุ” กักขัง 3 ปี
20 ต.ค.65 อดีตพยาบาลสาว 2 ราย เข้าพบ “ปวีณา” ให้ข้อมูลระหว่างถูก “ฮารุ” กักขัง3 ปี บังคับหาเงินและทารุณกรรม น้ำร้อนลวกทั้งตัว เตารีดนาบขา ตบตี ใช้ไม้ตี กล้อนผม อดีตพยาบาลทั้ง 3 และให้แม่กล้อนผมลูกตีลูกตัวเอง ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี และพาไปตรวจร่างกายสภาพจิตใจ และอยากขอกลับเข้าทำงานพยาบาลรวมทั้งดูแลความปลอดภัย “ปวีณา” พาเหยื่อและญาติไปพบ “บิ๊กโจ๊ก” ขอช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด
วันพฤหัสบดีที่ 20 ต.ค.65 เวลา 10.00 น. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพือเด็กและสตรีนางสาวโบว์ อายุ 48 ปี และนางสาวป๊อบ อายุ 34 ปี อดีตพยาบาล (ทั้งสองนามสมมุติ) เข้าให้ข้อมูลต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กรณีตกเป็นเหยื่อ “ฮารุ–ตรีเพชรรัตน” 2 ผู้ต้องหา ลวงใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้านบาท จากการอุปโลกน์ขายคอลลาเจน กักขังทำร้ายร่างกายทั้งโกนผมและนํ้าร้อนลวก อย่างทารุณนานกว่า 3 ปี เหตุเกิดในคอนโดฯ หรูใจกลางกรุงเทพฯ
โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 14 ต.ค.65 แม่กับอดีตสามีได้ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ขณะเดียวกันก็ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุม 2 ผู้ต้องหา และให้การช่วยเหลืออดีตพยาบาล 3 ราย กับลูก 2 คนอายุ 10 ปี กับ 7 ปี ซึ่ง 1 ในพยาบาลกับลูก 2 คน ได้รับบาดเจ็บต้องส่งตัวเข้ารักษาที่รพ.ตำรวจ
รายที่ 1 นางสาวโบว์ (อดีตพยาบาล) เล่าว่า รู้จักกับนายฮารุ ช่วงมิ.ย.64 จากนั้นนายฮารุ ได้ชักชวนให้มาลงทุนเป็นตัวแทนกระจายสินค้าคอลลาเจนและเซรั่ม ระยะหลังนายฮารุ อ้างว่าสินค้าคอลลาเจนและเซรั่มขาดทุน พวกตนจะต้องรับผิดชอบหาเงินมาคืน จนตนต้องขายทรัพย์สินรถ บ้าน กู้เงินจากที่ต่างๆ เรื่อยมา เป็นจำนวนเงินกว่า10,000,000 บาท จนหมดตัว และนายฮารุ ยังบังคับให้ทำงานในแต่ละวันต้องหายอดให้ได้ตามที่นายฮารุกำหนด หากไม่ได้ยอดก็จะทำร้าย ทุบตี ทารุณ โดยการใช้เตารีดนาบที่ขา
ล่าสุดช่วงเดือน ส.ค.65 ถูกเอาน้ำร้อนที่กำลังต้มเดือดราดที่ลำตัว ตนเคยคิดจะฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึกคอนโดฯ ลงมาจากชั้น 7 แต่เมื่อคิดถึงหน้าคนในครอบครัวก็กลัวว่าจะเดือดร้อน เพราะนายฮารุ ได้ข่มขู่เอาไว้ว่าให้ระวังจะเอาเรื่องกับญาติพี่น้องด้วย ตนจึงต้องจำทนอยู่อย่างทรมานมาหลายเดือน กระทั่งวันที่ 16 ต.ค.65 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปช่วยเหลือ เหมือนได้ชีวิตใหม่กลับมา แต่ขณะนั้นตนยังหวาดกลัวอิทธิพลของนายฮารุที่เคยข่มขู่ต่างๆ นานา จึงทำให้ตนไม่กล้าพูดความจริง ก่อนจะตัดสินใจร้องขอความชี่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ดำเนินคดีกับนายฮารุ และตรีเพชรรัตน ให้ถึงที่สุด
รายที่ 2 นางสาวป๊อบ อายุ 34 ปี อดีตพยาบาล เล่าว่า รู้จักกับฮารุตั้งแต่ปี 63 จากการแนะนำของคนที่รู้จัก ก่อนที่ฮารุจะชักชวนทำธุรกิจขายของออนไลน์ โดยตนขอเงินแม่มาทำทุนก่อนที่ฮารุจะเอาเงินของตนไปกว่า 3 แสนบาท และตนเองต้องจำนำรถยนต์ขายที่ดินเอาเงินมาให้อีกฮารุ รวมกว่า 1 ล้านบาท
ต่อมาเวลา 13:00 น. นางปวีณา พาครอบครัวเหยื่อพยาบาลอีกราย ประชุมสหวิชาชีพกับนักสังคมสงเคราะห์ ศูนย์พึ่งได้ รพ.ตำรวจ ในเรื่องการดูแลสภาพจิตใจของ 3 แม่ลูก
เวลา 15.00 น. นางปวีณา พาอดีตพยาบาลสาว 2 ราย พร้อมทั้งแม่ของอดีตพยาบาลที่รักษาตัวอยู่รพ.ตำรวจ เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สโมสรตำรวจถ.วิภาวดีรังสิต ขอให้ช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า จะเร่งให้การช่วยเหลือเร่งด่วนกับเหยื่อทั้ง 3 รายนี้ 1. ในเรื่องการรักษาตัว เนื่องจากมีแผลที่ถูกทำร้ายตามร่างกาย รวมทั้งเหยื่อ 2 ราย เริ่มป่วยเป็นโรคไต ขาบวม อ่อนเพลีย เครียด นอนไม่หลับ และต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจ 2. กรณีที่เหยื่อถูกหลอกจนหมดตัวต้องเป็นหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งจะประสานกับตำรวจในการติดตามทรัพย์สินจากผู้ต้องหามาดำเนินการ 3. จะประสานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เหยื่อได้รับเงินเยียวยา 4. มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป
*รายที่ 1 นางสาวโบว์ อายุ 48 ปี อดีตพยาบาล เล่าอย่างละเอียดว่า* เริ่มจากการแนะนำของเกดและจีให้ได้รู้จักกับนายฮารุ ในชื่อหมอเคท (เพศหญิง เป็นลูกครึ่ง ญี่ปุ่น–เกาหลี) ซึ่งเป็นหมอทูต ประจำสถานทูตอเมริกาและทำงานดูแลชาวอเมริกันที่เจ็บป่วยและรักษาตัวที่รพ.จุฬาฯ ในวันที่ 30 มิ.ย.64 เข้ามาพบเพื่อพูดคุยชักชวนให้เข้ามาช่วยเป็นตัวแทนกระจายสินค้าได้แก่คอลลาเจนและเซรั่ม และต่อมาชักชวนให้เป็นหุ้นส่วนร่วมลงทุนโดยต้องนำเงินมาลงทุนและไม่ให้ถามเกดกับจีว่าลงทุนคนละเท่าไหร่เพราะว่าเข้ามาทีหลังเป็นการมารับผลประโยชน์หลังจากติดต่อประสานงานเสร็จสิ้นแล้ว
โดยมีการระดมทุนจาก
–กรุงไทยธนวัฏ 4แสนบาท
–สหกรณ์ออมทรัพย์วชิรพยาบาล 5แสนบาท
–วงเงินสินเชื่อทีทีบี 1แสนบาท
–วงเงินสด Speedy cash จำยอดไม่ได้
–วงเงินบัตรเครดิตกรุงศรีโฮมโปร จำยอดไม่ได้
–เวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต 5- 6 ฉบับ รวมประมาณ 2แสนบาท
–ขายกองทุนรวม3กองทุน 5หมื่นบาท
หลังจากนั้นมีการไปแนะนำตัวกับครอบครัวและเสนอตัวช่วยเหลือลูกน้องชายกับภรรยาชาวลาวให้กลับมาประเทศไทยหลังจากข้ามไปประเทศลาวแล้วกลับมาไม่ได้เพราะปิดประเทศเนื่องจากโควิด-19 โดยเรียกค่าใช้จ่ายโดย
–นำบัตรATM ของแม่มากดเงินสด รวม3.5แสนบาท
–รีไฟแนนซ์รถยนต์กระบะอีซูซุดีแมกซ์ 1 แสนบาท ภายหลังแจ้งว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มจึงขอให้ขายฝากบ้านและที่ดิน ภายหลังได้ขายขาดรวมมูลค่าทรัพย์สินทั้ง 2 คือ 1 ล้านบาทแต่สุดท้ายอ้างว่าแม่เด็กให้เอกสารไม่ครบทำให้ไม่สามารถนำเด็กกลับมาได้และต้องจ่ายค่าดำเนินการยกเลิกและการให้ข้อมูลเท็จทำให้ต้องซื้อของไปขอโทษผู้ใหญ่และได้นำเงินส่วนตัวจ่ายให้ไปก่อนแล้ว
– นายฮารุได้ชักชวนให้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เนื่องจากสะดวกต่อการคุยและประชุมงาน
– ต่อมาได้นำรถเก๋ง Mazda 2 ทะเบียน 4กต 6154 กท (ซึ่งได้รีไฟแนนซ์ไปแล้ว 2 แสนบาท) นำไปจำนำ ต่ออีก 1 แสนบาท
– ในวันลอยกระทงปี2564 ได้มีการทาบทามนายพีช (นายตรีเพชรรัตน) ซึ่งได้พบกันที่ถนนข้าวสาร เพื่อให้มาเป็นศิลปินในสังกัด
– ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2564 นายฮารุเริ่มพูดถึงการเสียค่าปรับจากการผิดสัญญากับลูกค้าที่จ้างรีวิวสินค้า และความผิดพลาดจากการไลฟ์สดในเพจ “เพริศพริ้งสลิดวล็อก” เริ่มมีการใช้ความรุนแรงโดยการตบหน้า ฉุดกระชากและให้หาทางหาเงินมาคืนโดยการขายบ้าน ที่ดิน ที่ราชบุรี และคอนโดที่เชียงใหม่ (ได้ทำการขายฝากไปตั้งแต่เดือนกันยายน–ตุลาคม 2564) แต่เนื่องจากปิดการขายไม่ได้จึงต้องขอยืมเงินมาเพื่อจ่ายค่าปรับ
– สรุปรายการขอยืมเงินญาติ พี่น้อง เพื่อน รวมโดยประมาณจนถึงปัจจุบัน 1.5-2ล้านบาท
– สรุปการขายและขายฝากบ้าน ที่ดิน คอนโด ได้เงินมาทั้งสิ้น
–บ้านพร้อมที่ดิน 3 ไร่ 93 ตรว. ราคา 2.8 ล้านบาท (มูลค่าจริง 4 ล้านบาท)
–ที่นา 3 ไร่ 67 ตรว. ราคา 9 แสนบาท
–ขายฝากคอนโด 2.4 ล้านบาท
– จากการที่นายฮารุ แจ้งว่า การรับราชการทำให้พลาดโอกาสรับงานรีวิวสินค้าและการไปร่วมงานมิสยูนิเวิร์ส ทำให้พวกเรา3คนตัดสินใจลาออกจากราชการในเดือนมกราคม2565 โดยปุ๋มและจีทำงานครบ25ปีมีสิทธิ์ได้รับเงินบำเหน็จบำนาญ นายฮารุแจ้งให้รับเป็นเงินบำเหน็จเพื่อมาจ่ายหนี้สินใช้หมุนเวียนในการทำงานและเป็นการคืนเงินค่าปรับ โดยจีได้รับเงินจำนวน 1 ล้านบาทเศษ ตนได้รับเงิน 9 แสนบาทเศษ ทั้งหมดนายฮารุได้พาไปเบิกและรับไปทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม 2565
– ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนได้เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 และบังคับให้ทำยอดขายให้ได้ตามเป้าที่ตั้งให้ หากขายไม่ได้ต้องขอยืมเงินมาให้ได้ตามยอดขายที่ตั้งไว้ ตนทำความผิดโดยการขายคอลลาเจนไม่ตรงตามโปรโมชั่น นายฮารุ อ้างว่า ทำให้มีลูกค้าจะไปฟ้องสคบ.ทำให้บริษัทต้องเจรจาเพื่อไม่ให้แจ้งสคบ.และสูญเสียเงินให้ลูกค้าจำนวนมากกว่า 10 คน รวมเป็นเงินมากกว่า 1 ล้านบาท
– การทำร้ายร่างกายโดยการทุบตี ตบหน้า และใช้วาจาด่าทอทวีความรุนแรงและบ่อยขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน2565
– ในเดือนมิถุนายนนายฮารุ กล่าวโทษว่า ตนไม่พยายามขายทรัพย์สินเพื่อมาจ่ายหนี้สินที่ทำให้นายฮารุต้องสูญเสียเงินในการลงทุนให้และการจ่ายค่าปรับ มีการทำร้ายร่างกายและตัดผมจนติดหนังศีรษะทั้ง 3 คน และห้ามไม่ให้ตนออกจากห้อง พูดจาให้เกดและจีโกรธเคืองและโทษว่าเป็นความผิดของตนคนเดียวที่ทำให้คอลลาเจนไม่สามารถขายได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ มีการสั่งให้ทำร้ายร่างกายกันระหว่างตน เกด จีและพีช โดยตนโดนทำร้ายหนักที่สุด และมีการปรับเพจเฟซบุ๊กใหม่เป็น “สาวงามศรีสยาม” โดยมีเกดและจีเพียง 2 คน ที่ออกไปทำงานร่วมงานประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2565 โดยมีนายฮารุและนายพีชเป็นคนช่วยสนับสนุน
– เดือนกรกฎาคม–สิงหาคม 2565 ตนถูกบังคับให้ยืมเงินและขายทรัพย์สินเพื่อเอาเงินมาจ่ายหนี้สินที่ทำให้ธุรกิจล้มเหลว มีเหตุการณ์ที่ญาติเป็นห่วงและเสนอตัวช่วยเพราะอยากให้กลับบ้าน และมีเพื่อนเป็นตำรวจ นายฮารุยึดเอาโทรศัพท์ไปอ่านพอทราบเรื่องก็โมโหมากมีการทำร้ายร่างกายตน และพาเดินไปสถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันรวมทั้งขู่ว่าได้ทำการแจ้งความเรื่องที่ตนหลอกลวงให้ลงทุนและสูญเสียทรัพย์สิน และกำหนดว่าต้องหาเงินให้ได้ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2565 หลังจากนั้นได้ตนหาเงินไม่ได้ตามที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้จนตัดสินใจกินยาฆ่าตัวตาย แต่นายฮารุไม่เชื่อว่ากินยาจริง และพาเดินไปสถานีตำรวจบวรมงคล แต่ไปถึงไม่ได้เข้าไปแล้วพาเดินกลับมา
– ต้นเดือนกันยายน 2565 ตนถูกทำร้ายร่างกายโดยถูกเตารีดนาบขาทั้ง 2 ข้าง ต่อยตบ ถีบ กระทืบ เนื่องจากยังขายคอนโดไม่ได้และหาเงินไม่ได้ หลังจากนั้นไม่กี่วันถูกทำร้ายร่ายกายและถูกราดน้ำร้อนบาดเจ็บบริเวณใบหน้า ลำคอ แขนทั้ง 2 ข้าง แผ่นหลังเกือบทั้งหมด ด้านหน้าบริเวณเต้านมทั้ง 2 ข้าง จนเกือบถึงบั้นเอว ไม่ได้มีการพาไปโรงพยาบาลแต่ช่วยทำแผลให้รวมทั้งซื้อยามาทำแผลให้และยาแก้อักเสบแก้ปวดมาให้กิน รวมทั้งดูแลเรื่องอาหารการปฏิบัติตัว ตนได้รับความทุกข์ทรมานมากจนถึงขั้นเคยคิดกระโดดตึกจากชั้น 7 ลงไปแต่ก็อดทนเพราะกลัวว่าจะทำให้ครอบครัวเดือดร้อนจนผ่านเหตุการณ์มาได้ ระหว่างนี้นายฮารุได้ยึดโทรศัพท์เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาและให้รักษาตัวเพราะหายืมเงินไม่ได้แล้ว
– กันยายน–ตุลาคม 2565 นายฮารุกดดันจีและเกดเพื่อให้ขายของหาเงินมาเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายหนี้สิน มีการทำร้ายร่างกายเกดและจี โดยจีถูกนายพีชและนายฮารุทำร้ายบ่อยขึ้นเพราะนายฮารุอ้างว่าจีไม่ช่วยหาเงินและเนรคุณไม่คิดถึงสิ่งที่นายฮารุช่วยเหลือมาตั้งแต่เริ่มต้นรู้จักกัน
–วันที่ 10 ตุลาคม 2565 จีได้รับคำสั่งให้หายืมเงิน แต่ทำไม่ได้ และมีการพูดจาทำให้นายฮารุโกรธ จนถูกตบตี ชก ทำร้าย รวมทั้งราดน้ำร้อนบริเวณไหล่ซ้ายและให้โอกาสหาเงินต่อแทนการแจ้งความดำเนินคดีที่หลอกให้นายฮารุลงทุน
– คืนวันที่ 11 ตุลาคม นายฮารุมาให้ความหวังว่าจะช่วยสร้างอาชีพถ้าสามารถหาเงินได้จำนวน 6 หมื่นบาท ในวันที่ 12 ตุลาคม 2565
– เวลา 18.00 น. 12 ตุลาคม 2565 จีหาเงินไม่ได้ นายพีชได้พูดจาบังคับให้จีตบหน้าลูกสาวคนโตเพื่อต่อเวลาหาเงิน ต่อมาตอนกลางคืนมีการกดดันให้ใช้ปัตตาเลี่ยนไถผมลูกสาวคนโต
– 13 ตุลาคม 2565 มีการกดดันให้ตบหน้าลูกคนเล็กในตอนเย็นเพื่อขอโอกาสต่อเวลาหาเงินโดยเชื่อได้ว่านายฮารุได้สั่งการอยู่ผ่านหูฟังบลูทูธ และมาแสดงตัวเพื่อช่วยเหลือเด็กในภายหลัง
– 14-15ตุลาคม นายฮารุสั่งให้พวกเราทั้ง 3 คนหาเงินคนละ 6 หมื่นบาท แต่หาได้ไม่ครบ นายฮารุมาให้ความหวังว่าจะช่วยสร้างอาชีพถ้าสามารถหาเงินได้จนครบตามจำนวน และให้เวลาเพิ่มอีก1วัน คือไม่เกิน 16.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม 2565 โดยอ้างว่าต้องจ่ายเงินภาษีของบริษัทให้สรรพากรภายใน 16.30 น ไม่อย่างนั้นเช้าวันที่17 ตุลาคม 2565 นายพีชจะต้องถูกดำเนินคดี
– 16 ตุลาคม 2565 เวลา 11 โมงโดยประมาณ มีตำรวจนำหมายค้นมาที่คอนโดห้อง95 ที่พวกเราอาศัยอยู่ และได้ช่วยเหลือออกจากคอนโด
*รายที่ 2 นางสาวป๊อบ อายุ 34 ปี อดีตพยาบาล เล่าอย่างละเอียดว่า* ช่วงประมาณต.ค. 2563 รู้จักกันกับฮารุผ่านคุณจีรยา โดยจีรยา บอกว่า ฮารุบอกขายกางเกงกีฬาตัวนึง ซึ่งเราสนใจ และฮารุจะเอากางเกงมาให้เองที่รพ.ที่เราทำงานอยู่ พอฮารุมาถึงก็บอกว่าเขาดูดวงได้เป็นแบบไพ่ทาโร่ เราก็รู้สึกชอบตั้งแต่วันนั้น หลังจากนั้น เขาก็มาหาจีรยาที่ทำงานประมาณ 2-3 ครั้ง และชวนเราบอกว่า มาทำธุรกิจเปิดร้านกาแฟด้วยกันไหมเราเห็นว่าเป็นโอกาสจึงตอบตกลง และมีการคุยธุรกิจที่ห้างสรรพสินค้าอีก 2 ครั้ง แต่แผนธุรกิจไม่ชัดเจน และบอกอีกว่าเราต้องทำเพจช่องทางออนไลน์ด้วย ให้ส่งคลิปวิดีโอให้ฮารุทุกวัน
–ต้นเดือน ธ.ค 2563 ฮารุจึงได้ชวนมาพักอาศัยอยู่คอนโดด้วยกัน เพื่อง่ายต่อการทำธุรกิจ โดยฮารุเช่าห้องให้เราอยู่ห้อง95 ส่วนจีรยาอยู่ห้อง209 หลังจากนั้น2สัปดาห์ ฮารุบอกว่าเราอาจจะยุ่งกันต้องหาพี่เลี้ยงลูกจีรยา เราจึงเสนอแม่ให้เป็นพี่เลี้ยง หลังจากนั้นฮารุบอกว่าให้แม่มาอยู่ด้วยกันที่คอนโด
–ม.ค. 2564 ฮารุบอกว่ากับแม่ว่า ลูกต้องลงทุนทำธุรกิจ ขอเงินสดแม่ให้ลูกทำทุน 2 แสนโดยที่ฮารุพาแม่เราไปกดเบิกเงินสดที่ธนาคาร พร้อมกันทำแอพ และฮารุก็ทราบรหัสธนาคารในแอพของแม่ หลังจากนั้นฮารุกดเงินออกมาเองรวมทั้งสิ้น 317,068 แม่ทราบหลังจากได้มีการเอาสมุดบัญชีไปปรับได้ประมาณ1สัปดาห์
–เม.ย. 2564 ได้ไปร่วมงานแบบจริงจังครั้งแรกคือส่งอแมนด้ามิสไทยแลนด์ยูนิเวสที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยฮารุเป็นคนถือกล้องโทรศัพท์ถ่าย
–พ.ค. 2564 ได้บอกให้เรารีบเคลียร์เงินจากประกันAIA ที่กำลังจะหมดกรรมธรรม์เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังจะแย่
–มิ.ย. 2564 จำนำรถซิตี้ ฟูดแลนซีนครินทร์
–ก.ค. 2564 พี่ปุ๋มเข้ามา
–ส.ค. 2564 เอารถซิตี้ออกมา
–ก.ย. 2564 จำนำซิตี้ รอบ 2 ซีคอน
–ต.ค. 2564 สวนนงนุชแอนชิลี, ดาวน์รถแจ๊ส
–พ.ย. 2564 เจอเพชร, ประกวด MU แอนชิลี
–ธ.ค.2564 ขายฝากคอนโดพัทยา, ปีใหม่โดนตบ
–ม.ค. 2565 ลาออกจากราชการ, ขายฝากที่ดินอยุธยา
–ก.พ. 2565 ประกวดนางสาวไทย
–มี.ค.2565 ภริยาทูต
–ส.ค. 2565 ประกวดแอนนาเสือ