สุรเชษฐ์” ลุยตรวจบ้านเหยื่อเงินกู้นอกระบบที่ขอนแก่น หลังถูกกลุ่มนายทุนพังบ้านลูกหนี้เสียหาย
เพราะติดตามทวงหนี้ไม่ได้ เร่งเดินหน้าปราบนายทุนแบบถอนรากถอนโคน กำชับ สภ.ทั่วอีสานแก๊งค์หมวกกันน็อค–โปรยใบปลิวจับให้หมด พบนายทุนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มภาคกลางและภาคตะวันตก
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 21 ก.พ.2565 ที่บ้านเลขที่ 459/2 ม.1 บ.หนองกุง ต.หนองกุง อ.น้ำพองจ.ขอนแก่น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร พร้อมด้วยนายชินกร แก่นคง นายอำเภอน้ำพอง, พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน บก.สส.ภ.4,บก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น และ สภ.น้ำพอง ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุและให้กำลังใจ นางสุภัสสร อาสาสนา อายุ 53 ปี เจ้าของบ้าน ฯ หลังจากถูกกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบก่อเหตุทำร้ายข้าวของและพังบ้านพัก เหตุเกิดเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนได้รับความเสียหาย โดยในระหว่างที่ คณะของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กำลังพูดคุยและรับทราบข้อเท็จจริงจากเจ้าของบ้านอยู่นั้น ได้มีประชาชนในเขต อ.น้ำพอง ที่ตกเป็นเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ และถูกกลุ่มนายทุนข่มขู่ ได้เข้าพบเพื่อร้องเรียนและขอความช่วยเหลือ เนื่องจากส่วนใหญ่ต่างไม่มั่นใจในความปลอดภัยที่อาจจะเกิดขึ้น
นางสุภัสสร กล่าวว่า บ้านเปิดเป็นร้านรับตัดขนสุนัข โดยได้กู้ยืมเงินจากกลุ่มเงินกู้นอกระบบ มาใช้จ่ายวงเงิน 5,000 บาท ซึ่งจะต้องจ่ายเงินดอกเบี้ยวันละ 100 บาทแต่ต่อมาไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยคืนได้เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจ จนกระทั่งถูกชายนิรนาม 3 คนเข้ามาทวงหนี้กลางดึก พร้อมทั้งใช้ก้อนหินขว้างใส่กระจกประตูและหน้าต่างบ้าน จนพังเสียหาย อีกทั้งนายทุนเงินกู้ยังเขียนข้อความด่า แบบเสียหาย จนทำให้คนในครอบครัวหวาดผวาและไม่กล้านอนอยู่ที่บ้านจนกระทั่งนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.น้ำพอง เพื่อขอความช่วยเหลือและร้องขอความเป็นธรรมในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพูดคุยเพื่อให้กำลังใจกับผู้ที่ถูกกระทำจากลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยเกินจริง ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลนั้นพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ขอนแก่น เป็นกลุ่มนายทุน จาก อ.บ้านโป่งจ.ราชบุรี ที่มีการจัดการสาขาและทำการโอนเงินให้กับผู้ร่วมขบวนการ รายละ 50,000-60,000 บาท ทำการปล่อยกู้ให้กับชาวบ้าน และคิดอัตราดอกเบี้ยกับชาวบ้านร้อยละ 2 บาทต่อวัน หรือตกเดือนละร้อยละ 60 ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจน
“ กลุ่มนายทุนในระดับพื้นที่จะมาบอกชาวบ้านว่าคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 แต่เมื่อทำสัญญากู้เงินแล้ว กลับคิดดอกเบี้ยร้อยละ 60 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าสูงมาก ขณะที่ประชาชนที่ตัดสินใจกู้เงินนอกระบบเนื่องเดือดร้อนจากสภาพเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องใช้บริการนอกระบบ แต่ไม่ได้มีการศึกษาหรืออ่านเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง อย่างไรก็ตามขณะนี้ศูนย์ปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เน้นย้ำให้กับ สภ.ทุกจังหวัดในภาคอีสานตรวจสอบเส้นทางเงินของนายทุน ตรวจสอบภาษีย้อนหลังและตรวจสอบด้วยว่าการให้กู้เงินเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่ เพราะนอกจากจะจับกุมตัวแล้วจะมีการใช้มาตรการยึดทรัพย์และมาตรการด้านภาษีเอาผิดอย่างจริงจังด้วย”
ผช.ผบ.ตร. กล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุก สภ. จะต้องตรวจสอบข้อมูลบริษัทฯหรือกลุ่มบุคคลใด ที่ทำการแจกใบปลิวเชิญชวนกู้เงิน ในรูปแบบต่างๆ หากพบว่ามีการแจกใบปลิวตามที่ใดๆ หรือการติดประกาศตามจุดใด ทุกใบที่พบจะต้องมีการตรวจสอบ ว่ามีใบอนุญาตให้กู้ตามกฎหมายหรือไม่ และให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและเข้มงวดทันที ขณะที่ลูกหนี้ที่ทำการกู้ยืมเงินมาหากต้องการความช่วยเหลือหรือเจรจาร่วมทุกฝ่ายก็จอให้ติดต่อประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการเจรจาและบูรณาการร่วมทุกฝ่ายอย่างถูกต้องตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้กำหนดไว้