สุภชัย วีระภุชงค์ ความเชื่อเรื่อง “พญานาค” ความสำเร็จของ “ไทยนครพัฒนา” ดัน “นาคา” สู่ภูมิปัญญามรดกโลก
ที่สุดก็มาถึงจุดนี้ด้วยความเชื่อและศรัทธาเปี่ยมลันที่มีต่อ “พญานาค” สัตว์กึ่งเทพเจ้าสัญลักษณ์ของเจ้าแห่งดิน น้ำ ความอุตมสมบูรณ์และ
โชคลาภ จึงเกิดความร่วมมือในกลุ่มพันธมิตรหลายหน่วยงาน ทั้งฆราวาสและพระสงฆ์ผลักตันให้เรื่องของพญานาคไปสู่การเป็น “มรตก
ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง่” โดยมีโต้โผใหญ่ “สุภชัย วีระกุชงค์” รองกรรมผู้จัดการบริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด เจ้าของยาแก้หวัด
ทิฟพี่ที่รู้จักกันดี ในฐานะเลขาธิการสถาบันโพธิดยาวิชชาลัย 980 และยังร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา และ
เวียดนาม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดริมแม่น้ำโขงอีกด้วย
ความร่วมมือนี้ เริ่มต้นด้วยการทำโครงการศึกษาวิจัยเรื่อง “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในลุ่มแม่น้ำโขง“
ซึ่งผลสรุปจากการวิจัยพบว่าอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคถูกนำมาใช้ในวิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำโขง จนกลายเป็นประเพุณี พิธีกรรม และเป็น
เครื่องมือควบคุม ชัดเกลาทางสังคม โดยอาศัยพญานาคเป็นสื่อกลางผูกโยงเข้ากับวิถีชีวิตจนทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ
คนในสังคมลุ่มน้ำโขง สะท้อนถึงความมีอยู่จริงจนกลายเป็นอัลักษณ์ รือสัญลักษณ์ความเชื่อของสังคมไทยและชาวพุทธในลุ่มแม่น้ำโขง
ต่อจากนี้ เหล่าพันธมิตรจะทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันความเชื่อเรื่องพญานาคไปสู่การเป็น “มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ขณะนี้กำลังขอ
ขึ้นทะเบียนต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) โดย “ชาย นครชัย” อธิบตีกรม
ส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม สนับสนุนต่ำเนินการและรวบรวมเอกสาร พยานหลักฐานต่างๆ
สำหรับโต้โผใหญ่ “สุภชัย วีระภุชงค์” นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 60 ชวบ ที่ให้การสนับสนุนและจัดทำเรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ก็เริ่มมาจาก
“ความเชื่อ” ที่เจ้าตัวทุบโต๊ะบอกเลยว่า “เชื่อว่า..พญานาคมีจริง!!”
“พญานาค” กับตระกูล “วีระภุชงค์ ” เบื้องแรกอาจไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันอะไรกันมากนักเป็นแต่เพียงว่า “วินัย วีระภุชงค์ ” ป๋ของศุภชัยผู้ก่อ
ตั้งนามสกุลเห็นว่า “เพราะดี” จึงนำมาตั้งเป็นนามสกุล แต่หลังจากนั้นมาดูเหมือนว่าตระกูลวีระกุชงค์กับพญานาคกลายเป็นความผุกพันเกี่
ยวโยงกันทีละเล็กละน้อย จนเป็นความเชื่อและศรัทธาในพญานาค
หากตั้งคำถามว่า “พญานาคมีจริงหรือไม่?” ประเด็นนี้ถกเถียงกันมานาน แม้ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ข้อสรุป
อย่างไรก็ดี การที่สุภชัยเชื่อและศรัทธาเรื่องนี้ ได้ให้เหตุผลอิงตามประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองหลายต่อหลายครั้ง และพบเห็นในคำสอน
ทางพระพุทธศาสนา คือ พระไตรปิฎก ถือว่าเป็นหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดอายุ 2600 ปีโดยเฉ
พาะพระไตรปิฎกเล่มที่ 14 “นาคสังยุต” ได้
พรรณนาเรื่องของนาคไว้ชัดเจนทั้ง 4 ตระกูล และนาคก็มีหลายขั้นหลายระดับ ตั้งแต่ประเภทบำเพ็ญบุญบารมีมาอย่างดีจนได้ชั้นนาคาธิบดี
เช่น อนันตนาคราช, หญามุจลินท์นาคราช, ภุชงค์นาคราช, พญาศรีสัตตนาคราช, พญาศรีสุทโธนาคราช และนาคระดับรองลงมาที่
บุญบารมียังแก่กล้าไม่พอ
สุภชัยเล่าว่าสิ่งที่ชักนำความเชื่อนี้ มาจากการได้บชในพระพุทธศาสนาถึง 3 ครั้งกระทั่งได้ก่อตั้งชมรมโพธิคยาวิชชาลัย 980 ในปัจจุบัน
“ความเชื่อเป็นประตูที่จะนำไปสู่ปัญญาหรือพัฒนาทางด้านจิตใจให้สื่อเข้าถึงหลักคำสอนของพุทธศาสนา ความเชื่อนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่
ผมจะเล่าให้ฟัง ผมมีโอกาสคุยกับหลวงพ่อพระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย เรื่องความฝันของท่าน
ตอนปัจฉิมนิเทศน์ก่อนที่ผมจะสึกหลังบวชถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนนั้นผมได้ยินกับหู ท่านเล่าว่าก่อนที่พวกเรามาบวช
ท่านนิมิตสามคืนติดกัน คืนแรกฝันว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์แทนที่จะขึ้นเป็นใบโพธิ์ แต่กลับแขวนด้วยศาสตราวุธของมีคม มีด หอก ดาบ เต็ม
ต้น คืนที่สองนิมิตอีกว่าญาติโยมมาใส่บาตรด้วยศาสตราวุธของมีคมล้วนๆ ระหว่างที่ท่านพูดผมกับพระเพื่อนที่นั่งอยู่ได้ตีความฝันของหลวง
พ่อ ว่านิมิตนี้พวกเราต้องสร้างกองทัพธรรมออกรบกับอวิชชา ตัณหา ความไม่รู้ของมนุษย์ เลยกลายมาเป็นการก่อตั้งชมรมโพธิคยา พอมี
โอกาสคุยกับหลวงพ่ออีกในภายหลัง ถามท่านว่าคืนที่สามหลวงพ่อนิมิตอะไร ผมจำไม่ใด้แล้ว แต่ปรากฎว่าท่านบอกว่าท่านไม่เคยพูดอะไร
เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ไม่เคยพูดเลย แปลกไหม? ทั้งที่ผมได้ยินกับหู ผมไปถามอีกหลายคน ท่านชัช ชลวร (อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ)
พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ (อดีตประธาน กกต.) หรือคุณชาย นครชัย ทุกคนไม่มีใครได้ยิน!! สรุปแล้วเหมือนผมได้ยินอยู่คนเดียว…”
สกุณา ประยูรศุข