สังคม-สตรี-เยาวชน

ร้อง “ปวีณา” ทนทุกข์นานกว่า 5 ปี โรงงานผลิตแท๊งน้ำบาดาลและประปา

ย่าหอบลูกหลานจากจ.เพชรบูรณ์ ร้อง “ปวีณา” ทนทุกข์นานกว่า 5 ปี โรงงานผลิตแท๊งน้ำบาดาลและประปามาเช่าที่ดินข้างบ้านประกอบการ สร้างความเดือดร้อนรำคาญส่งเสียงดัง สร้างมลพิษกลิ่นเหม็นจากสารเคมี ทินเนอร์ และฝุ่นละอองที่คละคลุ้งตลอดทั้งวัน คนในบ้านเจ็บป่วยเป็นประจำ สภาพจิตใจย่ำแย่ ขณะที่ป้าป่วยติดเตียงร้องเรียนจนเสียชีวิตไปแล้วยังไม่ได้รับการแก้ไข เคยทำสัญญาไกล่กับคู่กรณีที่อำเภอ ตนตกลงจะยอมขายบ้านย้ายหนีซึ่งเจ้าของโรรงานตกลงจะซื้อภายใน 1 เดือน ซึ่งหากไม่ซื้อตามกำหนดจะยอมย้ายโรงงานออกไป แต่เวลาล่วงเลยมาจนถึงขณะนี้เกือบปีแล้ว คู่กรณีก็ยังไม่ซื้อบ้านของตนและยังไม่มีการย้ายออกไป อีกทั้งยังทำเป็นนิ่งเฉย ตนและลูกหลานต้องมีชีวิตที่ทุกข์ทนไม่รู้จะต้องเดือดร้อนไปอีกนานแค่ไหน “ปวีณา” ประสานผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ ตรวจสอบโรงงานได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่เพื่อให้ความเป็นธรรมคืนความสงบสุขให้กับผู้เสียหาย “ปวีณา” ได้นัดหมายผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ วันที่ 24 ก.ค.นี้ โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ และประสาน พมจ.เพชรบูรณ์ พาผู้เสียหายไปพบเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วนต่อต่อไป

ที่มูลนิธิปวีณาฯ : วันที่ 14 ก.ค.68 นางเอม (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี พร้อมลูกชายและหลานชายเดินทางจากจ.เพชรบูรณ์ เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ตนเองเป็นคนพื้นเพ อ.หนองไผ่ อยู่มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายอย่างสงบมาโดยตลอด ทุกวันนี้ได้รับความเดือดร้อนจากโรงงานที่มาเช่าที่ดินข้างเคียงประกอบกิจการผลิตแท๊งน้ำบาดาลส่งเสียงดังจากการเคาะเหล็ก และมลพิษกลิ่นเหม็นจากสารเคมีและฝุ่นละอองที่คละคลุ้งตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้ายันเย็นต้องทนอยู่อย่างนี้มา 5 ปีกว่าแล้ว ทุกคนในบ้าน 5 ชีวิต เจ็บป่วยเป็นประจำ เคยร้องเรียนไปตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ไม่มีความคืบหน้า

เพื่อนบ้านและญาติที่อาศัยอยู่ข้างเคียงหลายคนย้ายหนีไปเพราะทนไม่ไหว ขณะที่ป้าของตนเป็นหญิงชรานอนป่วยติดเตียงอยู่บ้านใกล้กันเคยร้องขอความเป็นธรรมด้วยกันจนตอนนี้เสียชีวิตไปแล้วเรื่องนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ก่อนหน้านี้ก็มีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบแต่เหมือนทางโรงงานจะรู้ล่วงหน้าจึงทำเสียงให้เบาลง และดูดฝุ่นไม่ให้ฟุ้งกระจาย แต่พอเจ้าหน้าที่กลับไปก็สร้างความเดือดร้อนเหมือนเดิม

ปีที่แล้วเดือนก.ย.67 ตนได้ร้องทุกข์ไปที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองไผ่ ทางอำเภอได้เรียกตนกับผู้ประกอบการโรงงานดังกล่าวมาไกล่เกลี่ยกันที่อำเภอ โดยมีข้อสรุปว่า ตนจะยอมย้ายไปอยู่ที่อื่นและทางโรงงานตกลงจะซื้อบ้านพร้อมที่ดินของตนในราคา 900,000 บาท ภายใน 1 เดือน กำหนดตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค.67 หากคู่กรณีไม่สามารถนำเงินมาซื้อบ้านของตนได้จะต้องย้ายสถานประกอบกิจการออกนอกพื้นที่ แต่เวลาล่วงเลยมาจนถึงขณะนี้เกือบปีแล้ว คู่กรณีก็ยังไม่ซื้อบ้านของตนและยังไม่มีการย้ายออกไปอีกทั้งยังทำเป็นนิ่งเฉย และยังประกอบการส่งเสียงดัง สารเคมี ทินเนอร์ส่งกลิ่นเหม็น ฝุ่นละอองคละคลุ้งเหมือนเดิมทุกวัน ตนและลูกหลานต้องมีชีวิตที่ทุกข์ทนทรมาน มีความเครียดเพิ่มขึ้นทุกวัน เจ็บป่วยมีน้ำมูลและเสมหะในคอ ไม่รู้จะต้องเดือดร้อนไปอีกนานแค่ไหน ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย

หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้กล่าวแสดงความเห็นใจนางเอมและครอบครัวโดยสงสารเด็กเล็กๆ เป็นอย่างยิ่ง และได้ประสาน นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอให้ตรวจสอบโรงงานดังกล่าวได้มีการขออนุญาตประกอบการถูกต้องหรือไม่ และสร้างมลภาวะที่เป็นพิษส่งเสียงดังเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายและแก้ไขปัญหาโดยด่วน นางปวีณา ได้ประสาน นายมาโนชญ์ คงรัตนชาติ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อลงพื้นที่ไปเยี่ยมบ้านดูแลสภาพจิตใจ นางปวีณา มอบหมายเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ และ พมจ.เพชรบูรณ์ พาผู้เสียหายไปพบผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เอง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า