“ปวีณา” พาแม่ไปรับศพลูกสาวเสียชีวิตปริศนาที่บาห์เรนกลับไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ : แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ “ปวีณา” พาไปรับศพลูกสาววัย 31 ปี เสียชีวิตปริศนาหลังไปอยู่กินกับสามีชาวบาห์เรน ที่ประเทศบาห์เรน ผ่านไป 1 ปี สถานทูตเพิ่งแจ้งข่าวการตาย สภาพศพมีร่องรอยช้ำตามตัว แม่สงสัยลูกสาวอาจถูกสามีทำร้ายจนเสียชีวิต “ปวีณา” ประสานกระทรวงต่างประเทศ สถานทูตไทยในบาห์เรนส่งศพกลับไทย โดยมีน้ำใจจากคนไทยในบาห์เรนร่วมบริจาคเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่งศพกลับและช่วยเหลือค่าจัดงานศพทั้งสิ้น 92,087.56 บาท “ปวีณา” ประสานสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ส่งศพไปชันสูตรทันทีเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
วันที่ 16 พ.ค.67 เวลา 12.15 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีพา นางเอม (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ เดินทางไปรับศพ น.ส.บี (นามสมมุติ) ลูกสาวอายุ 31 ปี ที่เสียชีวิตปริศนาที่ประเทศบาห์เรน โดยมี นายนิทัศน์ กมลเวคิน ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ AOT และ พ.ต.อ.จักรพงศ์ นุชผดุง ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการรับศพออกจากสนามบิน
ซึ่งหลังศพถูกส่งกลับมาประเทศไทย โดยการประสานงานของนางปวีณา กับกระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตไทยในบาห์เรน และคนไทยในบาห์เรนรวบรวมเงินบริจาคทั้งสิ้น 92,087.56 บาท ช่วยเหลือเป็นค่าดำเนินการและร่วททำบุญจัดงานศพและนางปวีณา ได้ประสาน สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ส่งศพ น.ส.บี ไปชันสูตรทันทีตามที่แม่และญาติของผู้เสียชีวิตได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา
นางเอม ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า ครอบครัวของแม่ฐานะยากจน ลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัว ปี 2564 ลูกสาวตัดสินใจไปทำงานที่บาห์เรนหาเงินส่งมาให้แม่เลี้ยงดูลูกน้อยอีก 3 คน กระทั่งต้นปี 66 ลูกสาวบอกว่าได้อยู่กินกับสามีชาวบาห์เรน และลูกจะวิดีโอคอลมาคุยด้วยตลอด บางครั้งก็ให้ดูรอยเขียวช้ำตามตัวและเล่าว่าถูกสามีทำร้ายก่อนที่ลูกสาวจะขาดการติดต่อไปตั้งแต่ 15 เม.ย.66 ที่ผ่านมาลูกสาวคนโตกับคนเล็กพยายามโพสต์ตามหาน.ส.บี แต่ก็ไร้วี่แวว
กระทั่งผ่านมา 1 ปี วันที่ 18 เม.ย.67 ครอบครัวได้รับการติดต่อจากสถานทูตว่า พบศพหญิงสาวนิรนาม เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.66 ศพถูกเก็บไว้ที่โรงพยาบาลซัลมาเนียประเทศบาห์เรน โดยแพทย์ที่บาห์เรน ระบุสาเหตุการตายว่า “ปอดและหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นพิษ” ซึ่งแม่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะเห็นในรูปถ่ายของศพมีรอยช้ำตามตัวจึงคิดว่าลูกสาวอาจจะถูกสามีทำร้ายเสียชีวิต จึงเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
“หลังศพได้รับการผ่าชันสูตรแล้วแม่ก็จะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดมะเกลือ ย่านจอมทอง–ดาวคะนอง กรุงเทพฯ ขอขอบคุณ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯที่ช่วยเหลือประสานนำศพลูกสาวกลับมาไทย และขอบคุณน้ำใจคนไทยที่บริจาคเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 92,087.56 บาท โดยโอนเข้าบัญชีแม่ ซึ่งแม่ได้จ่ายให้กับสถานทูตไทยในบาห์เรนเป้นค่าดำเนินการส่งศพกลับเป็นเงิน 80,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือ12,087.56 บาท จะใช้ในการจัดงานศพ”
นางปวีณา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน.ส.บี และขอขอบคุณน้ำใจคนไทยที่บริจาคเงินช่วยเหลือ 92,087.56 บาท เป็นค่าดำเนินการส่งศพกลับและทำบุญช่วยงานศพ หลังจากนี้มูลนิธิปวีณาฯ จะส่งศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ หาสาเหตุการเสียชีวิตตามที่แม่ร้องขอและจะให้ความช่วยเหลือในงานฌาปนกิจศพต่อไป
ทั้งนี้ขอเตือนสาวไทยที่คิดจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศควรจะตรวจสอบให้ดีเสียก่อน เนื่องจากเสี่ยงที่จะถูกหลอกค้าประเวณี ค้ามนุษย์ บังคับให้เสพยาเสพติด บางรายถึงขั้นถูกทำร้ายทุบตีจนเสียชีวิต ซึ่งจากสถิติมูลนิธิปวีณาฯ ตั้งแต่ปี 2547-2565 มีสาวไทยถูกหลอกไปค้าประเวณีในต่างประเทศ ที่เป็นอันดับ 1 คือ บาห์เรน จากนั้นในปี2566 สาวไทยถูกหลอกไปค้าประเวณีถึง 219 ราย อันดับ 1 คือ ดูไบ 56 ราย อันดับ 2 คือ เมียนมา 54 ราย อันดับ 3 คือ บาห์เรน 25 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจะช่วยเหลือไม่ได้ทุกราย จากสถิติมูลนิธิปวีณาฯ ได้ช่วยเหลือสาวไทยที่เสียชีวิตในต่างประเทศ ตั้งแต่เดือน มกราคม – เมษายน 2567 หญิงไทยเสียชีวิตประเทศมาเลเซีย 3 ราย ประเทศบาห์เรน 2 ราย ไม่ทราบสาเหตุหลายราย ติดตามได้ยากเพราะเป็นการเสียชีวิตที่ต่างประเทศ