สามีและพี่สาวเดินทางจาก จ.ขอนแก่น ร้อง “ปวีณา” ช่วยส่งศพภรรยาวัย 28 ปี เสียชีวิต
ที่มูลนิธิปวีณาฯ : วันที่ 12 เม.ย.67 เวลา 17.00 น. สามีและพี่สาวเดินทางจากจ.ขอนแก่น ร้อง “ปวีณา” ช่วยส่งศพภรรยาวัย 28 ปี เสียชีวิตหลังคลอดลูกที่รพ.แห่งหนึ่งในจ.ขอนแก่น ส่งชันสูตรหลังสงสัยสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากรพ.แจ้งญาติว่าคนท้องมีภาวะตกเลือด แต่ในใบมรณบัตรระบุสาเหตุ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจบกพร่องในช่วงการตั้งครรภ์ ส่วนลูกรอด แต่ขาดอากาศหายใจระหว่างคลอด 5-6 นาที ตอนนี้อยู่ห้องไอซียู ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ “ปวีณา” ประสาน ผกก.สภ.เมือง จ.ขอนแก่น และผกก.สภ.น้ำพอง ส่งศพชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง และประสาน สสจ.ขอนแก่น ให้ผู้เสียหายเข้าพบ ตั้งกรรมการตรวจสอบการเสียชีวิตของแม่เด็กที่รพ. และติดตามอาการทารกน้อยที่เพิ่งคลอดให้ผ่านภาวะวิกฤติไปได้
นายเอ็ม สามีอายุ 28 ปี และน.ส.แอน พี่สาว (ทั้งสองนามสมมุติ) เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ นายเอ็ม แจ้งว่า น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 28 ปีภรรยาตั้งครรภ์คนที่ 2 ได้เข้าฝากครรภ์กับคลินิกแพทย์ของรพ.แห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่นและไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ที่แรกตั้งใจจะคลอดเอง แต่พออัลตร้าซาวด์รู้ว่าลูกตัวใหญ่จึงขอผ่าคลอดวันที่ 26 มี.ค. แต่แพทย์บอกว่าไม่ว่าง และไม่มีคิว โดยภรรยามีกำหนดคลอดวันที่ 4 เม.ย.67 พอวันที่ 3 เม.ย.67 ตนจึงได้พาภรรยาเข้าแอดมิดที่โรงพยาบาลตามที่แพทย์นัดเพื่อเตรียมตัวรอคลอด
แพทย์ได้ทำการกระตุ้นช่องคลอดให้ภรรยาแต่ช่องคลอดเปิดแค่ 1 ซม. และอาการยังทรงตัว จึงรอแพทย์ที่ฝากพิเศษซึ่งมาตรวจในช่วงค่ำ กระทั่งเวลา 19.00 น. ภรรยาเริ่มมีอาการปวดท้องรุนแรงขึ้นเจ้าหน้าที่ได้พาเข้าไปในห้องคลอด ต่อมาช่วง 20.00 น. แพทย์ได้เข็นลูกของภรรยาออกมา เป็นเพศหญิงน้ำหนัก 3,400 กรัม โดยพาไปที่ห้องผู้ป่วยวิกฤติเด็ก จากนั้นแพทย์ได้แจ้งกับตนและทางญาติๆ ว่าเด็กมีอาการหายใจผิดปกติ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากเด็กหยุดหายใจขณะคลอดไป 5-6 นาที ส่วนภรรยาตกเลือดไปประมาณ 4 ลิตร และหาสาเหตุไม่ได้ จึงต้องทำการผ่าตัดเอามดลูกออกแล้วใช้ผ้ากอซอุดเลือดไว้ในช่องท้องของภรรยา แพทย์ยังบอกอีกว่า ภรรยามีภาวะหัวใจโตแทรกซ้อน
ต่อมาวันที่ 4 เม.ย. ตนและญาติได้เข้าเยี่ยมอาการของภรรยาช่วงเที่ยง ภรรยามีภาวะน้ำท่วมปอดเข้ามาเพิ่ม แล้วไตวาย ทางโรงพยาบาลได้ย้ายภรรยาไปอีกตึก ช่วงแรกที่ย้ายไปทางโรงพยาบาลบอกว่าอาการภรรยาดีขึ้น กรดในเลือดก็เริ่มดีขึ้น ออกซิเจนก็เริ่มดีขึ้น
วันที่ 5 เม.ย. ช่วงเที่ยงทางโรงพยาบาลมาแจ้งตนกับทางญาติว่า จะผ่าตัดเช็กดูว่าเลือดหยุดหรือยัง พอผ่าตัดภรรยาตอนช่วงบ่าย แพทย์บอกว่าเลือดหยุดแล้ว และเอาผ้าก๊อซออกก่อนจะทำการเย็บปกติ แต่พอช่วงดึกภรรยาก็เริ่มมีภาวะหัวใจเต้นเร็ว ช่วง 21.00 น. ตนสังเกตเห็นแพทย์หลายคนรีบมาดูอาการภรรยาและทำการกระตุ้นหัวใจ และไม่ได้บอกอะไรกับสามี
วันที่ 6 เม.ย. ช่วง 10.00 น. แพทย์แจ้งว่า ภรรยามีภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างอยู่ระหว่างกระตุ้นหัวใจ กระทั่ง 11.00 น. แพทย์ได้แจ้งว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว
วันที่ 7 เม.ย. หลังจากรับศพภรรยากลับมาตั้งที่บ้าน แพทย์ที่ทำคลอดรวมทั้งตัวแทนของผอ.โรงพยาบาล เดินทางมาร่วมงาน มอบเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท และบอกว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร จากนั้นตนได้ไปเขียนคำร้องขอรับสิทธิเยียวยา เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากรณีที่ภรรยาเสียชีวิตทางรพ.ได้อนุเคราะห์ค่ารักษาไป 200,00 บาท แต่ยังมีค่ารักษาเพิ่มเติมที่ค้างจ่ายอีก 50,000 บาท
“ตนคิดว่าไม่เป็นธรรม ตอนแรกไม่ได้ติดใจอะไร เพราะรพ.บอกว่า ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรแล้วและจะชดใช้ให้ แต่พอมาวันนี้ไม่มีการเยียวยาอะไร ส่วนเด็กที่เพิ่งคลอดยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลยังอาการวิกฤติ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แพทย์บอกว่า อาจจะหูหนวก ตาบอด เป็นผู้ป่วยติดเตียง หรืออาจเสียชีวิตได้ และไม่รู้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกขนาดไหน ตนจึงตัดสินใจร้องทุกมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อช่วยหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้ของภรรยาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และช่วยลูกที่ยังอาการวิกฤติอยู่ที่รพ.ด้วย”
หลังรับเรื่องเมื่อวันที่ 10 เม.ย. นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ให้สามีและพี่สาว เข้าพบในวันที่ 11 เม.ย. 67 เวลา 09.30 น. เพื่อแจ้งความขอนำศพส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ และประสาน พ.ต.อ.ชุมพลบัวชุม ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ช่วยประสานรถนำศพจากบ้านผู้ตาย อ.น้ำพองจ.ขอนแก่น ส่งมาชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงโดยศพผู้เสียชีวิตได้มาถึงที่รพ.เมื่อคืนวันที่ 11 เม.ย. อยู่ระหว่างการชันสูตรพลิกศพพร้อมกันนี้นางปวีณา ยังได้ประสาน สสจ.ขอนแก่น ให้ผู้เสียหายเข้าพบ และตั้งกรรมการตรวจสอบการเสียชีวิตของแม่เด็กที่รพ. และติดตามอาการทารกน้อยที่เพิ่งคลอดให้ผ่านภาวะวิกฤติไปได้ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลือร่วมกับสสจ.ขอนแก่น ต่อไป