ปวีณา” ประชุมร่วม กระทรวงยุติธรรม โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม
มอบหมายให้ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม เป็นตัวแทน พร้อมด้วยนายสุรไกร นวลศิริ หัวหน้าสำนักงาน รมว.ยุติธรรม
นางสาวจิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลย นายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการร่วม เข้าร่วมประชุมแนวทางช่วยเหลือผู้เสียหายทางคดี และอีกหลายประเด็น ที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ชั้น 1
วันที่ 21 ธ.ค.66 เวลา 10.30 น. ที่ชั้น 1 ห้องศูนย์บริหารงานร่วมกระทรวงยุติธรรม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เดินทางไปร่วมประชุมกับผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม และพาผู้เสียหาย 6 คดี เไปยื่นเรื่องขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายทางคดี โดยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม มอบหมายให้ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม รับเรื่องให้ความช่วยเหลือ พร้อมด้วยนายสุรไกร นวลศิริ หัวหน้าสำนักงาน รมว.ยุติธรรม
นางสาวจิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลย นายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการร่วม เร่งดำเนินการนำเรื่องเข้าที่ประชุมช่วยเหลือผู้เสียหายทางคดี
“ปวีณา” กล่าวว่า จากสถิติมูลนิธิปวีณาฯ ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 19 ธ.ค.66 มูลนิธิปวีณาฯรับเรื่องร้องทุกข์ 5,983 เรื่องรับเรื่องร้องทุกข์ ข่มขืน/อนาจาร มากกว่า 1,026 ราย ซึ่งผู้ถูกกระทำจะอายุน้อยลงไปทุกที และส่วนใหญ่ผู้ที่กระทำจะเป็นคนใกล้ชิด หรือคนในครอบครัว ทั้งนี้ขอฝากเตือนพ่อแม่ให้ดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดจนเป็นตราบาปกับเด็ก
นางปวีณา หงสกุล ขอบคุณ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหายกับมูลนิธิปวีณาฯ มาโดยตลอด โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะร่วมกับกระทรวงยุติธรรมติดตามให้ผู้เสียหายได้รับเงินเยียวยาและได้รับความเป็นธรรมอย่างใกล้ชิดต่อไป
ภายหลังกระทรวงยุติธรรมรับเรื่อง นางปวีณาได้ประชุมร่วมกับ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายสุรไกร นวลศิริ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี
นางสาวจิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลย และนายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการช่วยเหลือผู้เสียหายทางคดี ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้สอบถามรายละเอียดของคดีจากเคสทั้ง 6 ราย เพื่อเตรียมส่งเรื่องเข้าอนุกรรมการพิจารณาการช่วยเหลือทันที
นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในนามของกระทรวงยุติธรรมโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับเหตุร้ายที่เกิดกับผู้เสียหายทุกท่าน ทั้งนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของทางกระทรวงยุติธรรมโดยภูมิใจและยินดีช่วยเหลืออย่างยิ่ง เข้าใจว่าทุกคนเดือดร้อนสาหัสมีความทุกข์ร้อนมากกว่าคนอื่นจะให้การช่วยเหลืออย่างดีที่สุด
ด้านนางสาวจิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลย กล่าวว่า หลักเกณฑ์ในการพิจารณาช่วยเหลือผู้เสียหายจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ 1.ในส่วนแรกหากได้รับบาดเจ็บจะเป็นค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 40,000 บาท 2.ฟื้นฟูสภาพจิตใจไม่เกิน 20,000 บาท 3.ถ้าขาดประโยชน์ตามค่าจ้าง 4.ค่าเสียหายอื่นๆไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้ในที่ประชุมอนุกรรมการจะพิจารณาตามความร้ายแรงของคดี
ขณะเดียวกันนางปวีณาได้ฝากเรื่อง 2 เคสคือ 1.เคสโค้ชฟุตบอลและอดีตทหารยศพันตรีที่ข่มขืนกระทำชำเราเด็กชาย 2 ราย จ.อุดรธานี ซึ่งล่าสุดได้รับการประกันตัวทางแม่เด็กเพลงจะไม่ปลอดภัยและคาดว่าจะมีเด็กผู้เสียหายรายอื่นอีกหลายคน 2.เคสผู้ใหญ่บ้านล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิง 4 ขวบและ 6 ขวบ จ.สุโขทัย ก่อนหน้านี้มีการข่มขู่จะทำร้ายและระเบิดทุกคนให้สิ้นซากผู้เสียหายแม่เด็กหญิง 2 รายเพลงครอบครัวไม่ปลอดภัย
นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวกัยนางปวีณาและผู้เสียหายว่าหากผู้เสียหายมีความกังวลใจกรณีถูกข่มขู่คุกคามเบื้องต้นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งเรื่องกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งมีกองคุ้มครองพยานหรือแจ้งมูลนิธิปวีณาฯทางกระทรวงยุติธรรมจะจัดชุดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือคุ้มครองโดยด่วน สำหรับเคสทั้ง6 รายในวันนี้จะดำเนินการอย่างเร่งด่วนคาดว่าจะเข้าที่ประชุมอนุกรรมการวันที่ 25 ธ.ค. และจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายได้ก่อนปีใหม่นี้
สำหรับผู้เสียหาย 6 ราย ยื่นเอกสารขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายทางคดี
เคสที่ 1. จ.อุดรธานี เกษตรอำเภอข้าราชการซี7 และพันตรีเกษียณราชการข่มขืนเด็กชายวัย 10 ขวบ 2 ราย
เคสที่ 2. จ.สุโขทัย ผู้ใหญ่บ้านล่วงล่วงละเมิดทางเพศกระทำอนาจาร กับเด็กหญิงวัย 4 ขวบ และ 6 ขวบ
เคสที่ 3. จ.พิษณุโลก เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ถูกปู่แท้ๆอนาจารล่วงละมิดทางเพศ
เคสที่ 4. จ.สุราษฎร์ธานี เด็กชายวัย 11 ปี และ 13ปี ถูกเพื่อนของยายข่มขืน
เคสที่ 5 จ.นครพนม สาวไทยถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศดูไบ 2 ราย
เคสที่ 6. จ.ปทุมธานี หลานสาว 16 ปี พิการทางสมอง ถูกข่มขืนกักขังทำร้ายร่างกาย
รายละเอียดผู้เสียหาย 6 รายดังนี้
เคสที่ 1. จ.อุดรธานี เด็กชายวัย 10 ขวบ 2 ราย นักเรียนชั้นป.4 ถูกโค้ชฟุตบอล (เกษตรอำเภอ ข้าราชการซี7) และผู้สนับสนุนทีม (อดีตทหารยศ พันตรี เกษียณราชการ) ข่มขืนกระทำชำเรา ถ่ายคลิป ข่มขู่หากขัดขืนจะไล่ออกจากทีมฟุตบอล แม่ร้องทุกข์ “ปวีณา” ประสาน พล.ต.ต. ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. จับกุมตัว 2 ผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีแล้วเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.66 ขณะนี้เหยื่อเด็ก 2 ราย และครอบครัวยังอยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ ฟื้นฟูสภาพจิตใจ
เคสที่ 2. จ.สุโขทัย คุณแม่ 2 ราย ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ ลูกสาวอายุ 4 ขวบ กับ 6 ขวบถูกผู้ใหญ่บ้าน อายุ 58 ปี ล่วงละเมิดทางเพศ พี่สาวเด็กเข้าไปตามน้องที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเห็นตำตาขณะกำลังกระทำเด็กหญิง 4 ขวบ หลังเกิดเหตุผู้ใหญ่บ้านข่มขู่หากไปแจ้งความจะระเบิดให้หมด ทั้งสองครอบครัวเกรงไม่ปลอดภัยปิดบ้านหนีมาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ “ปวีณา” ประสาน พล.ต.ต.ศักดา สังขนิตย์ผบก.ภ.จว.สุโขทัย จับกุมผู้ใหญ่บ้าน ผู้กระทำผิดแล้วเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.66 ก่อนคุมตัวฝากขังศาลจังหวัดสุโขทัย พร้อมคัดค้านการประกันตัว
เคสที่ 3. จ.พิษณุโลก วันที่ 8 ธ.ค.66 แม่จูงลูกสาว 3 ขวบ ร้อง “ปวีณา” ลูกสาวถูกปู่แท้ๆ อายุ 69 ปี ขี้เมาล่วงละเมิดทางเพศ หลังรับลูกมาเที่ยวลูกบอกเจ็บอวัยวะเพศเพราะ “ปู่ทำหนู” ปวีณา ประสาน พ.ต.อ.เอก เฟื่องฟุ้ง ผกก.สภ.พรหมพิรามผกก. จับกุม“ปู่” ผู้กระทำผิดแล้ว วันที่ 19 ธ.ค.66 แจ้งข้อหา กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย และคุมตัวส่งฝากขังศาลในวันที่ 20 ธ.ค.66
เคสที่ 4. จ.สุราษฎร์ธานี แม่ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ ลูกชาย 2 คน อายุ 11 ปี กับ 13 ปี ถูกหนุ่มใหญ่เพื่อนสนิทของยายข่มขืนกระทำชำเราตลอดร่วม 2 ปี “ปวีณา” ประสานพ.ต.อ.ไพฑูรย์ กระจะจ่าง ผกก.สภ.เวียงสระ จับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีแล้ว เมื่อวันที่ 2 พ.ย.66 แจ้งข้อหา พาเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีไปเพื่อการอนาจาร, พรากเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีไปเพื่อการอนาจาร และข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีก่อนจะคุมตัวฝากขังศาลวันที่ 3 พ.ย.66 พร้อมคัดค้านการประกันตัว
เคสที่ 5. สาวไทย 2 ราย ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเดินทางไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 หลังได้รับการชักชวนจากนายหน้าเป็นหญิงชาวไทย อ้างว่าพาไปนวดแผนไทย รายได้เดือนละ 5-6 หมื่น ไม่มีการบังคับค้าประเวณีแต่เมื่อไปถึงพบเจ้าของร้านเป็นหญิงไทย และสามีชาวดูไบ ยึดพลาสปอร์ต บังคับให้ค้าประเวณี ทั้งสองคนจึงพากันหนีไปที่สถานทูตไทยในเมืองดูไบ ก่อนจะร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ และมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานการช่วยเหลือจนได้เดินทางกลับไทยในวันที่ 7 ก.ย.66 จากนั้นมูลนิธิปวีณาฯ ได้พาทั้งสองคนไปแจ้งความกับตำรวจ ปคม. ร่วมกับพม.ทำการคัดแยกเหยื่อ ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้จับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ได้บางส่วนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างออกหมายจับชาย1 ราย ชาวดูไบ ซึ่งเป็นสามีของหญิงไทยและเป็นเจ้าของร้านที่หลอกลวงเหยื่อไปค้าประเวณี ซึ่งจะเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดีโดยเร็ว
เคสที่ 6. จ.ปทุมธานี แม่ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ลูกสาวอายุ 16 ปี พิการทางการเรียนรู้ เรียนหนังสือและทำงานอยู่ร้านสะดวกซื้อ ถูกไรเดอร์ชายตีสนิทล่อลวงพาไปดูหนังก่อนพาไปบ้านข่มขืนกระทำชำเรา เหตุเกิดวันที่ 28 ก.ค.65 และยังบังคับลูกสาวให้หาเงินให้ใช้จนเด็กสาวต้องขโมยเงินที่บ้านไปให้เป็นประจำ นอกจากนี้ยังกักขัง ทำร้ายร่างกายลูกสาวบ่อยครั้ง “ปวีณา” ประสาน ผกก.สภ.ธัญบุรี ส่งตรวจร่างกาย สอบสหวิชาชีพก่อนนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี