ปวีณา” พา ด.ช.10 ขวบเคราะห์ร้ายถูกมินิบัสชนทับร่างไปรักษาต่อที่รพ.วิมุต 3 สัปดาห์
โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินอาการรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อเตรียมพร้อมในการผ่าตัดครั้งที่ 4 แม่เด็กซึ้งใจขอบคุณ “ปวีณา–รพ.วิมุต” ช่วยเหลือเต็มที่ ขณะที่ “ปวีณา” เรียกร้อง ขสมก. ต้องเข้ามาช่วยดูแลด้วย เพราะมินิบัสที่ก่อเหตุเป็นรถร่วม ขสมก.
วันนี้ 5 ก.ย.66 เวลา 13.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางไปรพ.วิมุต พาด.ช.10 ขวบ ที่ถูกมินิบัสสาย 12 ซิ่งชนทับร่างสาหัสย้ายจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) มารักษาตัวที่รพ.วิมุต ซึ่งต้องนอนรักษาตัวอีก 3 สัปดาห์ เพื่อรักษาบาดแผลกระดูกเชิงการที่ดามเหล็กไว้ซึ่งยังมีเลือดซึมออกมา และต้องล้างแผลผ่าตัดที่ยาวตั้งแต่หน้าอกถึงใต้สะดือ กับล้างสายท่อปัสสาวะทุกวัน อีกทั้งเด็กมีอาการเครียดจัด สภาพจิตใจย่ำแย่เมื่อเห็นบาดแผลของตัวเอง ร้องไห้ทุกวัน ไม่ยอมกินอาหารจนเป็นแผลมีเลือดออกที่กระเพาะอาหาร ขณะที่แม่เด็กขอนักจิตวิทยาช่วยดูแลสภาพจิตลูกด้วย
ซึ่งทางโรงพยาบาลวิมุต จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก และกุมารแพทย์ หรือ หมอเด็ก ร่วมกันตรวจสุขภาพประเมินอาการก่อนจะสรุปขั้นตอนการรักษาทั้งทางร่างกายและดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และในส่วนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย มูลนิธิเพชรเกษมได้นำรถมาช่วยเหลือเคลื่อนย้ายรพ. โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นกัน และหลังจากรักษาตัวที่รพ.วิมุต 3 สัปดาห์แล้ว ด.ช.10 ขวบ จะกลับไปผ่าตัดที่รพ.ศิริราช อีก ซึ่งเป็นการผ่าตัดครั้งที่ 4
แม่ด.ช. 10 ขวบ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางคนขับรถมินิบัส บริษัทรถร่วมฯ และทางขสมก. ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมลูกหรือโทรติดต่อแม่เลยสักครั้ง และไม่มีการติดต่อจะเยียวยาหรือรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น กระทั่งวันที่ 24 ส.ค. แม่ตัดสินใจร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความเป็นธรรม จนเป็นข่าวออกตามสื่อต่างๆ ทาง ขสมก. จึงได้มอบเงินช่วยเหลือให้ 5 พันบาท และทางบริษัทเจ้าของรถมินิบัสได้มอบเงินให้ 1 หมื่นบาท จากนั้นก็เงียบหายไป ส่วนคนขับรถที่ก่อเหตุไม่เคยมาเหลียวแลเลย
“แม่ทำใจไม่ได้ตอนนี้ลูกชายนอนอยู่โรงพยาบาลร้องไห้ทุกวัน เมื่อเห็นแผลที่ผ่าตัดยังไม่ประสานและมีเลือดซึมไหลออกมา สภาพจิตใจน้องย่ำแย่มาก ไม่ยอมกินข้าว และมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร เกือบ 1 เดือนที่ไม่มีใครเหลียวแล ตนและสามีต้องปิดรับซักรีดเสื้อผ้าเพื่อมาดูแลลูก ไม่มีรายได้ ไม่มีเงิน เดือดร้อนมาก ในส่วนของคดีทั้งที่ตำรวจได้เรียกคนขับรถมินิบัสมารับทราบข้อหา และผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำการประมาทแล้ว แต่ก็ยังไร้การเยียวยา หากไม่มีมูลนิธิปวีณาฯ และรพ.วิมุต ให้การช่วยเหลือก็ไม่รู้ว่าครอบครัวตนจะเป็นอย่างไร ต้องขอขอบคุณนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ และทางรพ.วิมุตที่ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่”
พ.ต.ท.โสภณ แย้มชมชื่น รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดินแดง กล่าวว่า แม้คนขับจะอ้างว่าเช่ารถมาขับก็ตาม แต่เนื่องด้วยบริษัทได้รับสัมปทานในการเดินรถสาธารณะจากขสมก. ดังนั้นบริษัทเจ้าของรถไม่สามารถปฎิเสธค่าเยียวยาได้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ารถมินิบัสมี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ของบริษัทวิริยะประกันภัย ซึ่งได้มีการเบิกจ่ายในการรักษาครบวงเงินแล้ว และยังมีประกันชั้น 3 ของบริษัทเมืองไทยประกันภัยที่คุ้มครองจากอุบัติเหตุ แต่ยังรอผลของการรักษาก่อนจะจ่ายค่าสินไหมอย่างไรก็ตามได้ทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของพ่อแม่ผู้เสียหายที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้า–ออกโรงพยาบาลไปดูแลลูก และขาดรายได้จากการทำงาน จากนี้จะได้เรียกบริษัทเจ้าของรถมินิบัส ขสมก. บริษัทประกัน คนขับรถมินิบัส ซึ่งทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบมาพูดคุยกับผู้เสียหายในเรื่องการเยียวยาเพื่อบรรเทาทุกข์ระหว่างนี้ก่อนจะสิ้นสุดการรักษาและจ่ายค่าสินไหม
ด้านตัวแทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีอุบัติเหตุ ผู้เสียหายสามารถยื่นคําร้องขอรับเงินเยียวยาได้ ในส่วนการช่วยเหลือจะเป็น 1.ค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 4 หมื่นบาท 2.ค่าขาดประโยชน์ในการทำมาหาได้ ซึ่งส่วนนี้คงยังไม่ได้เพราะผู้เสียหายเป็นเด็ก 3.ค่าฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจไม่เกิน 2 หมื่นบาท 4.ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นไม่เกิน 5 หมื่นบาท ทั้งนี้ต้องประกอบความช่วยเหลือเยียวยาจากคู่กรณี และพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์จากนั้นจะได้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาช่วยเหลือ
นางปวีณา กล่าวว่า ในส่วนของคดีคนขับรถมินิบัสก็สารภาพทุกอย่างว่ากระทำการโดยประมาทแล้ว แต่เงินเยียวยาขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัย ก็อยากให้บริษัทประกันภัยบริษัทเจ้าของรถมินิบัส และขสมก. ซึ่งจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้มาช่วยเด็กตาดำๆ ด้วย เงินอาจจะช่วยบรรเทาทุกข์เขาได้บ้าง และน้ำใจก็เป็นเรื่องสำคัญ เด็กคนนี้เก่งทางด้านกีฬาหลายอย่างและฝันอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ แต่กลับต้องมาถูกรถชนทับร่างบาดเจ็บสาหัสต้องอยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็น ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
นางปวีณา ขอขอบคุณ คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รองประธานกรรมการบริษัท และกรรมการบริษัท บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และเป็นประธานมอบทุนวิจิตรพงพันธุ์ ที่ได้บริจาคเงินช่วยเหลือทางด้านศาสนา สังคม การศึกษา ช่วยเหลือวัดโรงเรียน มูลนิธิต่างๆ รวมทั้งมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ก็เป็นมูลนิธิหนึ่งที่ทุนวิจิตรพงพันธุ์ได้มอบเงินช่วยเหลือทุกปี และมอบเงินให้ รพ.วิมุต เพื่อรักษาเด็กและคนป่วยที่ยากจน ที่มูลนิธิปวีณาฯ ส่งมารักษาและได้รับการรักษาอย่างดีเยี่ยม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น มูลนิธิปวีณาฯ และขอบขอบคุณ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ กรรมการเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โรงพยาบาลวิมุต นพ.สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต แพทย์ พยาบาลทุกท่าน ในการช่วยรับด.ช.10 ขวบ ถูกรถมินิบัส รถร่วมขสมก. ทับร่างมารักษาพยาบาลเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ก่อนส่งตัวกลับไปผ่าตัดที่รพ.ศิริราช เป็นครั้งที่ 4
ในวันนี้ เวลา 13:30 น. หลังจากรับด.ช.10 ขวบ เข้าแอดมิตที่ รพ.วิมุตแล้ว จะมีแพทย์เฉพาะทางมาตรวจรักษา เช่น คุณหมอกระดูก คุณหมอระบบทางเดินปัสสาวะ คุณหมอสุขภาพจิต และคุณหมอเฉพาะทางอีกหลายท่านมาตรวจเบิ้องต้น จากนั้นเวลาประมาณ14:00 น. จะเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปอาการป่วย ขั้นตอนที่รพ.จะต้องรักษาน้องต่อจากนี้จนกว่าจะส่งตัวกลับไปรพ.ศิริราชในอีก 3 สัปดาห์ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีและการรักษาเยียวยาเคสนี้ ให้ได้รับความเป็นธรรมดีที่สุดต่อไป.
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลวิมุติกล่าวถึงการรักษาเด็กชาย 10 ขวบ เบื้องต้นจะมีหมอเด็กหมอกระดูกและหมอศัลยกรรมร่วมดูแลทั้งร่างกายและสภาพจิตใจ