แม่ร้อง “ปวีณา” มินิบัสสาย 12 ชนสยองลูกชาย 10 ขวบ กระเด็นตกกลางถนน
ก่อนเหยียบร่างซ้ำสาหัส ผ่านมาครึ่งเดือน คนขับมินิบัส บริษัทรถร่วมฯ ขสมก. ไม่เคยมาเหลียวแล “ปวีณา” จี้คดี ผกก.สน.ดินแดง ให้ความเป็นธรรม
กรุงเทพฯ วันที่ 24 ส.ค.66 เวลา 13:30 น. แม่ด.ช.10 ขวบ เข้าร้องทุกข์ “ปวีณา” ลูกชายถูกรถประจำทางมินิบัสสาย 12 (รถร่วม ขสมก.) ซิ่งขับชนท้ายรถจักรยานยนต์ขณะแม่ขี่ไปรับลูกจากโรงเรียนจนลูกกระเด็นตกจากรถก่อนเยียบซ้ำเข้าที่กลางลำตัวบาดเจ็บสาหัส กระเพาะปัสสาวะฉีกขาด ม้ามได้รับการบาดเจ็บ และกระดูกเชิงกรานแตกหัก ผ่าตัดมาแล้ว 3 ครั้ง นอนรักษาตัวที่ห้อง ICU รพ.รัฐชื่อดัง ผ่านมา 2 สัปดาห์คนขับรถมินิบัส บริษัทรถร่วมฯ และทางขสมก. ยังไร้การเยียวยา ไม่เคยมาเยี่ยมเด็กสักครั้ง “ปวีณา” เร่งจี้คดีประสาน ผกก.สน.ดินแดง เร่งรัดคดีให้ความเป็นธรรมและให้การช่วยเหลือทั้งร่างกายและจิตใจเร็วที่สุด
นางแหม่ม (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ เล่าว่า เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 10 ส.ค.66 ขณะที่ตนเองขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูกที่โรงเรียนและพาไปว่ายน้ำเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้าน โดยลูกชายคือ ด.ช.เอ้ (นามสมมุติ) อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้นป.5 นั่งซ้อนท้าย ขณะขับขี่รถผ่านปากซอย ประชาสงเคราะห์33 เขตดินแดง กรุงเทพฯ รถประจำทางมินิบัสสาย 12 วิ่งระหว่าง ห้วยขวาง–เศรษฐการ ได้วิ่งมาจากด้านหลังและขับแซงขึ้นหน้าเฉี่ยวชนท้ายรถจักรยานยนต์ของแม่เสียหลัก ลูกชายกระเด็นพุ่งไปข้างหน้าจากนั้นรถมินิบัสก็วิ่งไปทับกลางลำตัวของลูกที่นอนอยู่กลางถนนได้รับบาดเจ็บสาหัส ชาวบ้านที่เห็นร้องตะโกนบอกรถทับเด็ก คนขับรถมินิบัสจึงจอดรถลงมาดู และกู้ภัยช่วยนำลูกชายส่งโรงพยาบาล
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแพทย์ตรวจพบว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บ กระเพาะปัสสาวะฉีกขาดม้ามได้รับการบาดเจ็บ และกระดูกเชิงกรานแตกหัก ต้องทำการผ่าตัดด่วน แม่แทบช็อกเมื่อเห็นลูกอยู่ในสภาพนี้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวคนขับรถมินิบัสไปสอบสวนที่สน.ดินแดง
ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. พนักงานสอบสวนสน.ดินแดงได้เรียกแม่และคนขับรถมินิบัสไปสอบสวน ทีแรกคู่กรณีอ้างว่าไม่เห็นว่ามีรถจักรยานยนต์อยู่ด้านซ้าย แต่ตำรวจมีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดคนขับจึงยอมรับสารภาพว่า ได้ขับขี่รถโดยปราศจากความระมัดระวังของตนเองเพียงฝ่ายเดียว จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้
“ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ครึ่งเดือนแล้วทางคนขับรถมินิบัส บริษัทรถร่วมฯ และทางขสมก. ยังไม่เคยมีใครมาเยี่ยมลูกหรือโทรติดต่อแม่เลยสักครั้ง และไม่มีการติดต่อจะเยียวยาหรือรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น แม่จึงตัดสินใจร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความเป็นธรรมด้วย”
แม่ทำใจไม่ได้ตอนนี้ลูกชายนอนอยู่โรงพยาบาลร้องไห้ทุกวันเมื่อเห็นแผลผ่าตัดที่หน้าอกเป็นทางยาว และเห็นเหล็กที่ดามกระดูกเชิงกรานไว้ ลูกยังลุกจากเตียงผู้ป่วยไม่ได้ และปัสสาวะเองไม่ได้ สภาพจิตใจน้องย่ำแย่มากกลัวจะใช้ชีวิตไม่ได้เหมือนเดิม ไม่เหมือนเด็กคนอื่น
แม่จึงมาร้องขอให้นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีให้ได้รับความเป็นธรรม ให้ทางผู้ก่อเหตุและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลรับผิดชอบ อยากให้คนขับรถขนส่งมวลชนมีความระมัดระวัง ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ไปเกิดขึ้นกับเด็กคนอื่นอีก ทุกวันนี้ครอบครัวยากจน และต้องหยุดงานรับจ้างซักรีดเสื้อผ้าเพื่อมาดูแลลูก และยังต้องใช้เส้นทางนี้ทุกวัน เวลาที่ผ่านจุดเกิดเหตุภาพติดตาทำให้นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นตลอดเวลา
นางปวีณา กล่าวว่า จะได้ประสาน พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และพ.ต.อ.นราวุฒิ รักษาวงศ์ ผกก.สน.ดินแดง ช่วยเร่งรัดคดีและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายโดยเร็ว และติดตามตัวคนขับรถมินิบัส บริษัทรถร่วมฯ และขสมก. มารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ได้สอบถามรายละเอียดจากแม่ทราบว่าลูกชายจะต้องออกจากโรงพยาบาลในวันอังคารที่ 29 ส.ค.นี้ ไปพักฟื้นเพื่อรอการผ่าตัดครั้งที่ 4 ในช่วง 6-8 สัปดาห์ข้างหน้า แต่แม่มีความกังวลเพราะลูกยังมีเลือดออกบริเวณแผล เดินไม่ได้ และต้องล้างแผลผ่าตัดที่ยาวตั้งแต่ใต้สะดือถึงหน้าอก และล้างแผลตรงกระดูกเชิงกรานซึ่งดามเหล็กไว้ กับล้างสายท่อปัสสาวะทุกวัน ซึ่งแม่มีความเป็นห่วงเกรงหากกลับไปที่บ้านลูกอาจจะติดเชื้อได้มูลนิธิปวีณาฯ จึงจะได้ประสานโรงพยาบาลวิมุต ให้การช่วยเหลือรับตัวเด็กเข้าแอดมิดเพื่อพักฟื้นและดูแลแผลผ่าตัดในระหว่างนี้ต่อไป