เสวนา …. ธรรมวิชัยสู่ศตวรรษแห่งธรรม จัดโดยสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ณ วัดมหาวนาราม จ.อุบลราชธานี
การประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 10-13 มีนาคม 2567 โดยทางสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย980 องค์กรเอกชนที่ดำเนินการผลักดันและประสานกับรัฐบาลอินเดีย ได้จัดเสวนาเรื่อง ธรรมสิชัยสู่ศตวรรษแห่งธรรม
พระเมธีวรญาณ ประธานกรรมการบริหารสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 กล่าวว่านับเป็นคุณความดีบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ของชาวไทยที่มีโอกาสอันเป็นมงคลแห่งชีวิตที่ได้มากราบพระบรมสารีริกธาตุและ พระอรหันตธาตุครั้งแรกของไทย ต้องจดบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตที่ครั้งหนึ่งมีโอกาสมากราบที่วัดมหาวนารามจังหวัดอุบลราชธานี เพราะในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีการอัญเชิญมาพร้อมกันเสมือนพระพุทธเจ้าได้มาโปรด พร้อมกับพระอัครสาวก พระสารีบุตรผู้เลิศทางปัญญา และพระโมคัลลานะ ผู้เป็นเลิศทางฤทธิ์ ใครไม่มาถือว่าพลาดที่สุดในชีวิตถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่
การเสด็จมาถ้าพิจารณาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเป็นการมาโปรดพุทธบริษัท เวไนยสัตว์ในเมืองไทย เพราะไทยนับถือพระพุทธศาสนาเป็นหลักโดยใช้พระพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิต พระพุทธองค์อาจเล็งเห็นความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่แล้วและเสมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาด้วยพระองค์เอง เป็นสัญลักษณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครมากราบถือว่าได้มาเข้าเฝ้าต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ ถือเป็นบุญที่เรามีโอกาสหาได้ยากและไม่รู้จะเกิดได้อีกในกี่ภพกี่ชาติ เป็นการตอกย้ำแนวทางปฏิบัติของประชาชนคนไทย ได้ดำเนินตามแนวทางที่ถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ที่เป็นสัมมาทิฐิเป็นการส่งเสริมกำลังใจให้มีความเพียรสั่งสมบารมีให้ชีวิตต่อไป โดยมีพระองค์และอัครสาวกมาเป็นพยานเข้าหลัก ผู้ทำดีย่อมได้ดีผู้ทำชั่วย่อมได้ชั่วเช่นกัน
การมาของพระบรมสารีริกธาตุจึงเป็นความเพียรของคนไทย เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้มีโอกาสสักการะ เข้าถึงและเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา ที่จะเข้าถึงความสุขสงบร่มเย็นในชีวิต ปีนี้ ศตวรรษนี้จึงเป็นศตวรรษแห่งการสร้างคุณความดี ถือเป็นศตวรรษที่26 ที่เราจะสร้างคุณความดี
หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า 2600 ปีเรายังปฏิบัติกันอยู่ ฉะนั้นในโอกาสนี้ เราจะได้แนวคิดในการใช้ชีวิต ประกอบหน้าที่การงานและความเข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น
พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาครั้งนี้ มี 4 พระองค์ 4 ด้าน น่ามาจากพุทธกาลนี้เกิดพระพุทธเจ้าแล้ว 4 พระองค์ จึงเหมือนเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ เป็นมงคลอย่างยิ่งในชีวิต พระพุทธเจ้า 4 พระองค์นี้ต้องบำเพ็ญเพียรบารมีอย่างมากกว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญทุกรกิริยา จนมีสัญลักษณ์ทุกวันนี้ คือการลอยถาดของพระโพธิสัตว์ ที่ตั้งใจให้ถาดลอยทวนน้ำและจมลงไปทั้ง 4 พระองค์ จนองค์สุดท้ายไปกระทบถาด 3 ใบ ทำให้กาฬพญานาค ที่ดูแลรักษาถาดตื่นขึ้นมา และจะดูแลจนถึงพระศรีอริยเมตไตยในอนาคต พญานาคจึงเป็นผู้รักษาพระพุทธศาสนา และเป็นสัญลักษณ์ตัวเชื่อมหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาสู่มนุษย์เรา จึงเป็นที่มาของโครงการ ธรรมยาตรา พระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคาสู่ลุ่มน้ำโขง จึงต้องมาที่จังหวัดอุบลราชธานี
ส่วนการมีพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสองที่ได้มาจากสถูปสาญจี เป็นสถูปแห่งแรกที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา หรือ แห่งแรกในโลกก็ได้ เป็นที่ประดิษฐานพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ และยกให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักในพระพุทธศาสนา เพราะพระเจ้าอโศกมหาราชซึ่งเป็นต้นแบบของธรรมวิชัยที่จะเอาชนะคนทั้งหลายด้วยธรรมะ ไม่ใช่อำนาจกิเลส ตัณหา และกำลัง
พระเจ้าอโศกมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า โดยไม่เคยเห็นพระพักตร์พระพุทธเจ้า แต่มีศรัทธาในคำสอนและมีความรักในพระพุทธองค์ และยังมองว่าการประกาศเผยแผ่พระศาสนาไปชมพูทวีป เพราะมีอัครสาวกทั้งสอง จึงสร้างสถูปสำหรับพระอัครสาวกทั้งสองขึ้นมาด้วยความรักที่ช่วยเหลือพระพุทธเจ้าประกาศเผยแผ่ และในการสังคยนาพระพุทธศาสนา พระเจ้าอโศกให้ตั้งเสาอโศกใน 4 สังเวชียสถานสำคัญ และส่งสมณทูตไปประกาศเผยแผ่พระพุทธศาสนา 9 สายด้วยกัน รวมทั้งดินแดนสุวรรณภูมิท่านสร้างเจดีย์ 84000 แห่ง เป็นผุ้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา และให้บุตรธิดา เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา เพราะต้องการเป็นญาติกับพระพุทธเจ้า ทรงเสียสละพระราชโอรสที่จะครองราชสมบัติให้บวชเป็นภิกษุ และพระราชธิดา ที่บวชเป็นภิกษุณีและในการส่งสมณทูตไปประกาศเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ศรีลังกา และเสียสละชีวิตตัวเองในดินแดนแห่งนั้น คือนิพพานในศรีลังกา พระเจ้าอโศกจึงสร้างเจดีย์ให้สมณทูตที่ประกาศเผยแผ่พระศาสนาทั้ง 9 สาย และสาญจีเป็นการแสดงออกความรักของพระมเหสี จึงการันตีว่าอนุสรณ์สถานแห่งความรักของพระพุทธศาสนา คือสถูปสาญจี
เมื่อเราเกิดมายุคสมัยนี้ถือว่าเป็นบุญบารมีของเราที่ต้องต่อเติมเสริมแต่งให้มีพลังมากยิ่งขึ้น เสมือนได้มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยตาของเราเอง แม้จะดูเกินความเป็นจริงแต่เราสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุและผล เราได้เห็นพระบรมสารีริกธาตุเท่ากับเราได้เห็นพระพุทธเจ้า และได้เห็นธรรม
การทำงานของสถาบันโพธิคยาฯตั้งแต่ปี 2550 ฝ่านมา 17 ปี แสดงว่าเราผ่านอุปสรรคปัญหาในการทำงานมาเยอะ แต่ค่อยๆแก้ไขจนคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นความจริงอันประเสริฐ คนจะเห็นธรรมเมื่อเห็นทุกข์และวิธีการดับทุกข์
การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เป็นความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน มีประชาชนจำนวนมาก ที่มากราบสักการะ ความเป็นอุบลฯ หรือดอกบัว เป็นที่เกิดของพระเกจิอาจารย์ พระอริยบุคคลจำนวนมาก อุบลเป็นที่รองรับการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้ามาแล้ว 4 พระองค์ เหมือนพระบรมสารีริกธาตุที่เปรียบเสมือนพระพุทธเจ้า4 พระองค์เสด็จมา
ศตวรรษแห่งธรรมอาจเป็นคำใหม่ แต่ในอนาคตไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น เราต้องการให้พุทธบริษัทได้ศึกษาพระพุทธศาสนาให้เข้าใจเพื่อมองเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติตาม นำมาใช้ในชีวิตประจำวันและทบทวนได้ว่าเราปฏิบัติในสิ่งใดได้บ้างและได้เห็นว่า ตั้งแต่ตื่นมาจนถึงปัจจุบันได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้ประโยชน์หรือโทษอย่างไร แล้วแผ่ขยายออกไปในครอบครัว ระดับสังคม และระดับโลก เพราะธรรมะไม่มีพรมแดน มีความเป็นอะกาลิโก เป็นหลักสากล ทำให้พระพุทธศาสนาแผ่ขยายออกไป ด้วยความหวัง ความฝันและกำลังใจและศรัทธา เป็นแรงผลักดัน และมีความเชื่อในพระรัตนตรัย เพื่อพัฒนาตนเองสร้างศรัทธาให้มั่นคง ลดความกังขา อย่าไปสงสัยให้มาก ในโลกนี้คนฉลาดเต็มไปด้วยความสงสัย คนโง่เต็มไปด้วยความมั่นใจ จึงต้องปรับ ด้วยการยกระดับพลังความศรัทธา ขอให้เราเชื่อมั่นในตัวเอง
คุณสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 กล่าวถึง ความมหัสจรรย์ ที่ไม่เคยมีการเสด็จพร้อมกันของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ซึ่งถูกเก็บเอาไว้ที่วิหารสาญจี เป็นเวลา 72 ปีเต็ม ภายใน 1 ปีมีเพียง 1 วันเท่านั้นที่อัญเชิญขึ้นมาจากสถูปเพื่อให้ทุกคนได้เห็นและกราบสักการะ
เมื่อเราเป็นสาวก เราต้องปฏิบัติ อบรมสั่งสอนลูกหลานและเข้าในในธรรมจริงหรือไม่ การเสด็จครั้งนี้มีนัยยะสำคัญ มีความเชื่อว่าการเสด็จเปรียบเสมือนท่านไว้วางพระทัยในการหมุนวงล้อยุคพุทธกาลแต่จิตใจมนุษย์ลดลงทุกวัน เป็นยุคใช้อำนาจในการปกครองมาหลายพันปี เป็นยุคแห่งความเหลื่อมล้ำ และวันนี้ยังมีสงครามไม่จบ จึงมั่นใจว่าพระองค์ท่านกังวลและเป็นห่วงมนุษย์โลกทั้งหมด
จากความใกล้ชิดในการทำงานกับรัฐบาลอินเดีย คือความสำเร็จที่มีในวันนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียประกาศใช้ธรรมะในการสร้างศตวรรษแห่งเอเชีย หรือ century of Asia ซึ่งตรงกับหลักการของสถาบันโพธิคยา จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ของสถาบันที่จะเผยแผ่ธรรมะ ขององค์พระศาสดา สำคัญยิ่งคือการภาวนาเพื่อให้เกิดปัญญา การการันตีว่าเราจะไม่ตกนรกคือการบรรลุอารยะบุคคล โพธิคยาจึงมีความฝันอยากเห็นพุทธบริษัท 4 ได้ยกระดับจิตใจ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
แนวทางของสถาบันโพธิคยา ส่วนหนึ่งได้มาจากดำริของพระมหาผ่อง สะมาเลิกประธานองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว รูปที่ 4 ท่านได้กล่าวถึงการจัดงานธรรมยาตรา ให้เกิดการหมุนของวงล้อแห่งธรรมในลุ่มน้ำโขง จากนั้น 1 เดือนท่านได้ละสังขารขณะอายุ 102 ปี จึงได้กราบท่านครั้งสุดท้าย ว่า “ผมจะทำจนลมหายใจสุดท้าย” และท่านเป็นชาวลาวเชื้อสายไทยเพราะท่านเกิดในอำเภอตระกาลพืชผลจังหวัดอุบลราชธานี การเสด็จของพระบรมสารีริกธาตุ จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเป็นโอกาสที่จะยกระดับจิตใจ เข้าสู่ความเป็นอริยะ นี่คือสิ่งที่สถาบันโพธิคยาตั้งเป้าหมายไว้
หลังจากให้ประชาชนในจังหวัดอุบลและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาวและกัมพูชาสักการะจนถึงวันที่ 13 จากนั้นจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ที่วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม ก่อนอัญเชิญเสด็จกลับประเทศอินเดีย