ศาสนา-ศิลปวัฒนธรรม

ตะลึง! กรมศิลปากร พบคัมภีร์ใบลานเก่าแก่ อายุ 380 ปี สร้างสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

เมื่อ ..2186 เก็บรักษาอยู่ที่วัดเบญจมบพิตร ดุสิตวนาราม กทม.

นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร นายวัฒนา พึ่งชื่น นักภาษาโบราณชำนาญการพิเศษ แถลงที่วัดเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 ว่าจากการที่กรมศิลป์ โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ เครือข่ายอาสาสมัครท้องถิ่นเพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรม และวัดเบญจมบพิตร ได้เข้าไปอนุรักษ์ คัมภีร์จารึกใบลาน อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมโบราณ ที่เก็บไว้ที่วัดเบญจมบพิตรนั้น 

เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบใช้เวลาทำงานเป็นเวลา 5 เดือน ตั้งแต่ 8 กันยายน 2565 ถึง 7 กุมภาพันธ์ 2566

จากการทำงานครั้งนี้ได้พบคัมภีร์ใบลานมากถึง 425 มัด

หรือนับเป็นผูก (เล่ม หรือฉบับ) มีจำนวนมากถึง 6,275 ผูก

 และเอกสารประเภทสมุดไทยอีก 6 เล่ม

ซึ่งถือว่าเป็นเอกสารโบราณที่พบในกลางกรุงที่ใหญ่มาก

 คัมภีร์ดังกล่าวสืบสายธารประวัติศาสตร์ ได้ถึง 3 สมัย ได้แก่สมัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ตอนต้น ถึงรัชกาลที่ 6

 ที่นักอนุรักษ์ตื่นเต้นคือได้พบคัมภีร์ใบลาน สมัยอยุธยาชื่อคัมภีร์วิมติวิโนทนีวินัยฎีกาสร้างสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เมื่อ ..2186 อายุ 380 ปีนักอนุรักษ์ ได่บันทึกไว้ในบัญชีเลขที่ วบจ. 22-25 (เพื่อสะดวกในการค้นคว้า)


ในสมัยกรุงธนบุรี พบคัมภีร์เรื่อง สารสังคหะ สร้างสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อพ..2320 หรือ อายุ 246 ปี

 สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พบคัมภัร์โบราณ ชื่อธรรมบทอัฏฐกถา สร้างใน สมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ..2338 นับอายุคัมภีร์ได้ 238 ปี

 การสร้างคัมภีร์ จารึกลงในใบลาน ได้ทำต่อเนื่อง ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 6 ทำให้เห็นว่าวัดเบญจมบพิตร เป็นแหล่งเอกสารโบราณ ที่สามารถเปรียบเทียบยุคสมัยของตัวอักษร แต่ละรัชกาลได้ดี ในแหล่งเอกสารเดียวกัน

  นอกจากนี้ได้ศึกษายุคเปลี่ยนผ่านการจารึกในใบลาน มาพิมพ์ในกระดาษฝรั่ง เริ่มสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ปริวรรตพระไตรปิฎก จากอักษรขอม มาเป็นอักษรไทย แล้วพิมพ์ด้วยอักษรไทยลงในกระดาษฝรั่ง นับเป็นครั้งแรกในโลก

 แต่การจารึกคัมภีร์ในใบลาน ยังคงมีต่อเนื่อง เช่นสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพสร้างคัมภีร์ใบลาน จำนวนมาก ถวายวัดเบญจมบพิตร เช่นคัมภีร์เลขที่ 524 เรื่อง เวสสันตรกถา ที่สร้าง .. 2461 นับอายุได้ 105 ปี

 นอกจากนั้นยังพบคัมภีร์ใบลาน ที่เจ้าทับสร้าง ได้แก่เรื่อง มังคลัตถทีปนี ที่สร้างใน. .2386 หรือสมัยรัชกาลที่ 3 ดังนั้น ชื่อ เจ้าทับ สันนิษฐานว่า เป็นพระนามของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เพราะพระนามเดิมคือ ทับ

 กรมศิลปากร อนุรักษ์แล้วส่งมอบให้ พระธรรมวชิราธิบดี เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรพร้อมคาดหวังว่า สาธารณชนจะให้ความสนใจ มาศึกษาค้นคว้าต่อไป

เครดิตภาพ กรมศิลปากร

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เอง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า