แม่สุดทน!! ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือลูกสาว อายุ 13 ปี ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมียนมาร์พ้นขุมนรกแล้ว ตะลึงผู้เป็นธุระจัดหาอายุเพียง 15 ปี
และยังมีเด็กสาวอีกเป็นจำนวนมากถูกหลอกไปค้าประเวณี “ปวีณา” ประสาน ตำรวจ ปคม. พาแม่และเด็กเข้าแจ้งความ ตรวจร่างกาย พร้อมเร่งขยายผลดำเนินคดีกับแม่เล้า ที่เป็นธุระจัดหา
สืบเนื่องจากวันที่ 17 ต.ค. 67 นางอร (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ชาว จ.แม่ฮ่อนสอน ได้ติดต่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ทางเพจ
เฟชบุ๊กมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่าลูกสาว ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ถูกเพื่อนในหมู่บ้านอายุ 15 ปี และมีแม่เล้าอายุ 40 ปีเป็นผู้บงการชักชวน หลอกไปขายของ แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกไปค้าประเวณี ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ โดยเดินทางไปเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 67 กระทั่งกลางคืนของวันที่ 17 ต.ค. 67 ลูกสาวทักแชทมาบอกแม่ว่า จะฆ่าตัวตาย แม่กลัวลูกคิดสั้น จึงรีบติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
หลังรับแจ้ง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นางอร (นามสมมุติ) แม่ของเด็ก จนทราบสถานที่อยู่ พิกัด ของ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) พร้อมประสานหน่วยงานความมั่นคงไทย – เมียนมาร์ TBC ในขณะเดียวกันแม่เด็กได้แจ้งนางปวีณา ว่ารู้ตัวคนที่นำตัวเด็กไป จึงได้ติดต่อเพื่อขอตัวเด็กคืน แต่ทางนั้นกลับเรียกค่าไถ่ตัวเด็กจำนวน 50,000 บาท โดยนางปวีณาให้ต่อรอง จนเหลือ 8,000 บาท โดยทางมูลนิธิฯได้ออกเงินจำนวนดังกล่าว ให้กับ นางอร เพื่อให้นำไปไถ่ตัวลูกสาวกลับมาโดยด่วน หลังจากโอนเงินไปประมาณ 2 ชม. นางอร จึงได้รับตัวลูกสาวกลับมาได้อย่างปลอดภัย โดยคนเมียนมาร์ได้นำ ด.ญ.บี นั่งเรือข้ามกลับมาฝั่งไทย โดยเส้นทางธรรมชาติ หลังจากแม่รับตัวลูกสาวแล้ว ทั้ง 2 คนได้เดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาทันที
นางอร (นามสมมุติ) เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 67 เวลาประมาณ 07.00 น. ลูกสาวได้ทักมาบอกตนว่าจะขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ตนได้โทรศัพท์ไปตามลูกสาวแต่ไม่รับสาย จากนั้นลูกสาวได้ส่งข้อความกลับมาว่า นั่งอยู่บนรถทัวร์อยู่แถว จ.ลำปาง ตนตกใจมากแต่ไม่สามารถติดต่อลูกได้ จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 ต.ค. 67 ลูกสาวติดต่อกลับมาทางแชทว่าตอนนี้อยู่ที่ จ.ตาก ตนจึงสอบถามว่าไปทำอะไร ลูกสาวบอกว่าเพื่อนให้มาส่งอีก 2 วันจะกลับ ต่อมาวันที่ 16 ต.ค. 67 ด.ญ.บีได้ทักแชทมาบอกแม่ว่า ตนถูกหลอกมาขายตัว ในสถานบันเทิง ที่เมืองเมียวดี ซึ่งมีทั้งบ่อนคาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในอาคาร 3 ชั้น ทั้งนี้หากไม่ยอมค้าประเวณีก็จะถูกทำร้ายร่างกาย จึงขอให้แม่ช่วยเหลือด่วน ไม่เช่นนั้นจะผูกคอตาย แม่จึงได้แจ้งมาทางมูลนิธิปวีณาฯ ผ่านทางเฟซบุ๊ก จนได้รับความช่วยเหลือในที่สุด
ทั้งนี้ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) เล่าว่า ได้รู้จักกับเพื่อนรุ่นพี่ที่อาศัยอยู่ตำบลใกล้เคียงกัน ชื่อกิ่ง (นามสมมุติ) อายุประมาณ 15 ปี และได้มีการพูดคุยกันผ่านแชทเฟชบุ๊ก ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงเดือน ก.ย. 67 น.ส.กิ่ง ได้ชักชวนตนไปทำงาน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นงานเกี่ยวกับอะไร ซึ่ง น.ส.กิ่ง บอกว่ามีเพื่อนที่ทำอยู่ที่นั่นทักมาชวน แต่ ด.ญ.บี ได้ปฎิเสธ ต่อมาวันที่ 12 ต.ค. 67 ด.ญ.บี ได้แชทเฟสบุ๊กกับ น.ส.กิ่ง และได้ชักชวนไปทำงานขายของ ต่อมาเช้าวันที่ 15 ต.ค. 67 เวลาประมาณ 08.00 น น.ส.กิ่ง ได้มารับ ด.ญ.บี ออกไปจากบ้านโดยที่ผู้ปกครองไม่ทราบ และได้พานั่งรถประจำทางจาก อ.ปางมะผ้า ไปลงที่ บขส. จ.เชียงใหม่ จากนั้นนั่งรถทัวร์ไปลงที่ บขส. จ.ตาก และนั่งรถประจำทางไปลงที่หน้าโรบินสัน อ.แม่สอด จ.ตาก มีผู้ชายคนไทยขับรถ มารอรับพาไปส่งที่บ้านของผู้หญิงคนไทย (แม่เล้าอายุ 40 ปี ) ใน อ.แม่สอด จ.ตาก และให้นอนค้างที่บ้าน 1 คืน รุ่งเช้าของวันที่ 16 ต.ค. 67 มีผู้ชายคนไทยขับมอเตอร์ไซค์มารับ ด.ญ.บี กับ น.ส.กิ่ง พาไปส่งให้กับผู้ชายซึ่งเป็นคนเมียรมาร์ ที่บริเวณตลาดริมเมย
จากนั้นได้พานั่งเรือข้ามฝั่งไป เมื่อไปถึงตึกลักษณะคล้ายกับคอนโด หญิงไทยที่เป็นแม่เล้าได้ให้ ด.ญ.บี กับ น.ส.กิ่ง อาบน้ำแต่งตัวถ่ายรูปส่งให้แขกดู ด.ญ.บี จึงทราบว่างานที่ทำนั้นเป็นงานค้าประเวณี ไม่ใช่การขายของตามที่ตกลงกันไว้ จึงพยายามติดต่อให้แม่มารับ แต่โทรศัพท์ไม่สามารถโทรออกได้จะใช้ได้เพียงไวฟายเท่านั้น ต่อมาวันที่ 17 ต.ค. 67 หญิงไทยที่เป็นแม่เล้า ได้แนะนำแขกชายชาวจีน ให้ใช้บริการ ด.ญ.บี และแม่เล้าก็บังคับให้ ด.ญ.บี รับแขก หากไม่ทำก็จะถูกทำร้ายทุบตี และอาจจะไม่มีชีวิตกลับมาประเทศไทยได้อีก
ด้านนางปวีณา กล่าวว่า วันนี้ได้ประสาน พล.ต.ต. ศารุติ แขวงโสภา ผบก. ปคม.เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เป็นธุระจัดหา และผู้ที่เป็นนายหน้า โดยในวันพรุ่งนี้ ( 22 ต.ค.67) ได้มอบหมายให้นายเอกภาพ หงสกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณา ฯ นำแม่เด็ก และเด็กอายุ 13 ปี เข้าแจ้งความตำรวจ ปคม. พร้อมส่งตรวจร่างกาย และเร่งขยายผลช่วยเด็กที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ พร้อมขอเตือนภัยหญิงไทย ที่จะไปทำงานต่างประเทศ ขอให้มีการตรวจสอบอดย่างละเอียด อย่าหลงเชื่อคนใกล้ตัว หรือการหลอกลวงว่าจะได้งานทำและรายได้ดี ในการทำงานต่างประเทศ ทั้งนี้ขอให้สอบถาม ไปยังกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และมูลนิธิปวีณาฯ ก่อนได้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 9 ต.ค. 67 สถิติมีผู้ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ มาที่มูลนิธิปวีณาฯ กรณีหญิงไทยถูกหลอกไปค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ ในต่างประเทศ 223 ราย ซึ่งพบว่าประเทศที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีมากที่สุด คือ ดูไบ 80 ราย รองลงมาคือ เมียนมาร์ 24 ราย และบาร์เรน 17 ราย