ชาาบ้านหลักหกร้องถมคลองสร้างบ้านมั่นคงปิดคลองหวั่นน้ำท่วม
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่หน้าตึกที่ทำการเทศบาลตำบลหลักหกต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี นายภาณุเมศวร์ ศิรินรานันตร์ แกนนำตัวแทนประชาชนหลักหก พร้อมชาวบ้าน ต.หลักหก จำนวน 50 คนรวมกันยื่นหนังสือร้องทุกข์ถึงความเดือดร้อนจากการถมคลองเปรมประชากร ใน ต.หลักหก จ.ปทุมธานี เพื่อทำเขื่อนและก่อสร้างบ้านมั่นคงต่อนายสมศักดิ์ งามแท้ นายกเทศบาลตำบลหลักหก แต่ติดราชการจึงให้นายสมบัติ์ ธรรมขันแข็ง รองปลัดเทศบาลตำบลหลักหก เป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
นายภาณุเมศวร์ ศิรินรานันตร์ แกนนำตัวแทนประชาชนหลักหก กล่าวว่า การถมคลองเปรมประชากรและก่อสร้างบ้านมั่นคง ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา พวกเราชาวหลักหก ประกอบด้วย ชุมชนหลักหก ชุมชนเมืองเอก ชุมชนวิภาวรรณ ชุมชนวราสิริ และประชาชนทั่วไป ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จากการถมคลองเปรมประชากรเมื่อช่วงกลางเดือน มกราคม 2566 เกือบเต็มคลอง เพื่อก่อสร้างบ้านมั่นคงเฟสสอง โดยไม่เคยทำประชาพิจารณ์ ไม่เคยศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เคยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ทำให้พวกเราชาวหลักหก ได้รับผลกระทบจากฝนตกน้ำท่วม เนื่องจากเหตุคือ การก่อสร้างบ้านมั่นคงในเฟสหนึ่งได้ถมคลองและทำเขื่อนป้องกันตลิ่งกลางคลองเปรมประชากรไปตลอดแนวคลองประมาณ 700 เมตร ทำให้พื้นที่รับน้ำส่วนหนึ่งของชุมชนทุกชุมชนหายไป และยังไม่มี
มาตรการในการบริหารจัดการน้ำและระบบสาธารณูประโภคอย่างถูกต้อง เช่น ทำเขื่อนป้องกันตลิ่งทั้งสองฝั่งคลอง ขุดลอกคลองให้ลึก 4 เมตร ขยายความกว้างคลอง ทำระบบระบายน้ำฝนของทุกชุมชน ทำระบบบำบัดน้ำเสียของทุกชุมชน เป็นต้น ผลคือ คลองแคบลง เมื่อฝนตกหนัก ทำให้ไม่มีพื้นที่รองรับน้ำฝน น้ำจึงได้ล้นคลองขึ้นมาท่วมชาวหลักหกที่อาศัยตลอดแนวคลองเปรมประชากร รวมไปถึงกระทบชุมชนวัดนาวง และชุมชนเมืองเอกคลองเปรมประชากร ขุดโดยพระราชดำริของรัชกาลที่ 5 เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรและได้ทรงมอบที่ดินสองฝั่งคลองให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ทำมาหากินตลอดแนวคลองเปรม ฯ คลองเปรมประชากรมีอายุ 153 ปี ถือเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ณปัจจุบันคลองมีความกว้างประมาณ 50 เมตร แต่วันนี้ถูกรุกล้ำคลอง ถมคลองให้แคบลงโดยอ้างมติ กำหนดไว้ว่า คลองมีความกว้าง 25 เมตร เพื่อสร้างบ้านมั่นคง โดยอ้างเป็นแผนแม่บท เป็นนโยบายของรัฐบาล เพื่อพัฒนาชุมชนริมคลอง อ้างปรับทัศนียภาพอ้างแก้ปัญหาการรุกล้ำคลองของประชาชน อ้างเพื่อเปิดพื้นที่สร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม อ้างว่ารัฐได้ประโยชน์จากการปล่อยให้สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด เช่าเป็นเวลา 30 ปี โดยธนารักษ์เอาที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ไปให้กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ใช้ประโยชน์ หรือ แท้จริงแล้วใครได้ประโยชน์? ผู้รับเหมาก่อสร้าง พรรคการเมือง ที่ร่วมรัฐบาลกำหนดงบประมาณก่อสร้างผูกพันประชาชนที่บุกรุกริมคลองเดิมซึ่งเป็นคนมีรายได้น้อย กลับต้องแบกหนี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 500,000 บาท หรือมากกว่า และไม่มีที่อยู่ที่ทำกินอย่างถาวร และประชาชนที่อาศัยอย่างถูกกฎหมายทุก ๆ ชุมชน ที่อยู่โดยรอบคลองเปรม ฯ กลับต้องแบกรับความเสี่ยงภัยน้ำท่วม น้ำท่วมขัง ความเสียหายความเดือนร้อนอย่างแสนสาหัส มากยิ่งขึ้นกรมธนารักษ์ ผู้ให้เช่าที่ราชพัสดุ กรมชลประทานผู้ดูแลคลองเปรมประชากรและผู้ส่งมอบที่ราชพัสดุคืนให้กับกรมธนารักษ์ กรมโยธาธิการและผังเมือง ผู้สร้างเขื่อนกลางคลองแต่ไม่สร้างเขื่อนป้องกันริมตลิ่งริมคลอง กรมส่งเสริมสหกรณ์ผู้จัดตั้งสหกรณ์และเอาใครไม่รู้มาอยู่ในสหกรณ์ พอช. หรือสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ผู้ออกแบบวางแบบแปลนโครงการบ้านมั่นคง เป็นผู้จัดการโครงการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ผู้เป็นเจ้าของโครงการ และผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นผู้ดำเนินการและผู้อำนวยการตามที่มหาดไทยสั่งการลงมา เทศบาลตำบลหลักหกผู้ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด เป็นผู้ดำเนินการถมคลองโดยเพียงแจ้งให้เทศบาลทราบและเป็นผู้ขออนุญาตก่อสร้าง กลุ่มบุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ เอาอำนาจอะไรมา บังอาจ “ถมคลอง” ที่เสด็จพ่อ ร.5 ทรงขุดไว้ให้ปวงประชาราษฎร และคณะที่ประชุมใดมีมติให้คลองเปรมประชากรมีความกว้างเหลือเพียง 25 เมตรจากเดิม50 เมตร ชุมชนริมคลองเปรมประชากรทั้งที่อยู่ถูกกฎหมายและผู้ที่บุกรุก คือ คนไทยร่วมแผ่นดินร่วมพื้นที่เดียวกัน แทนที่จะแก้ปัญหาโดยจัดหาที่ดินที่อยู่ที่เหมาะสมอย่างถาวรให้กับชุมชนที่บุกรุกริมคลองเปรม ฯ แต่กลับแก้ปัญหาโดยการรุกล้ำคลองเปรม ฯโดยวิธีให้เช่าถูกกฎหมายและสามารถเรียกคืนมาได้ภายใน 30 วัน เป็นวิธีการมักง่ายไม่พิจารณาถึงความเหมาะสม ด้วยการถมคลองเปรม ฯ ลงไปเกือบเต็มคลองแล้วขุดกลับขึ้นมาบางส่วน ซึ่งเป็นการไม่แก้ปัญหาเดิมแต่กลับซ้ำเติมปัญหาเดิมพร้อมเพิ่มปัญหาใหม่ ทำผิดให้เป็นถูก คิดสร้างสุขให้คนหลักร้อยแต่กำลังสร้างทุกข์ให้คนหลักหมื่น หลักแสน และหลักล้าน ตลอดแนวคลองเปรมประชากร ขนาดเพียงเกิดฝนตกหนักวันเดียว 3 ชั่วโมง ยังเกิดน้ำท่วมได้ คงไม่ต้องพูดถึงฝนตกตลอดคืน หรือตลอดวัน หรือเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ซึ่งมีทั้งฝนตก และน้ำเหนือ ไหลบ่าผ่านลงมา ก็คงเกิดน้ำท่วมใหญ่เฉกเช่นเดียวกับปี 2554
คลองเปรม ฯ ในตำบลหลักหกนี้ เปรียบเสมือนแก้มลิงขนาดใหญ่ที่สุดเพราะมีความกว้างถึง 50 เมตร สามารถอุ้มน้ำในดินได้มากตามความกว้างเดิม เป็นพื้นที่คอยรับน้ำไหลย้อนกลับจากพื้นที่ งามวงค์วาน หลักสี่ ดอนเมือง และในตำบลหลักหกฝั่งตะวันตกโดยในปี 2554 เคยใช้แก้ไขในการระบายน้ำท่วมขังจากการติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราวขนาดใหญ่จำนวน 2 เครื่อง ที่ประตูน้ำเปรมใต้ โดยท่านสุเทพ น้อยไพโรจน์รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษาในขณะนั้นเป็นผู้ดำเนินการจัดการแก้ปัญหานี้ให้ โดยพื้นที่นี้อยู่ในความดูแลของสำนักชลประทานที่ 11 ณ ปัจจุบันนี้ ประตูน้ำเปรมใต้ได้เปลี่ยนเป็นสถานีประตูระบายน้ำและสูบน้ำย้อนกลับได้ โดยมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำถาวร จำนวน4 เครื่องเพื่อใช้ในการระบายน้ำท่วมขัง ในพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น แต่ปัจจุบัน คลองเปรมประชากรไม่สามารถช่วยส่งน้ำไปยังสถานีสูบน้ำดังกล่าวเพื่อช่วยในการระบายน้ำย้อนกลับได้ เนื่องจากการถมคลองเปรมประชากรในการก่อสร้างบ้านมั่นคงเฟสหนึ่ง และไม่มีการทำเขื่อนป้องกันตลิ่งทั้งสองฝั่งคลอง ไม่มีการขุดลอกคลองให้ลึก 4 เมตร ไม่มีการขยายความกว้างคลอง ตามแผนแม่บทที่กล่าวอ้าง ไม่ทำระบบระบายน้ำฝน ไม่ทำระบบบำบัดน้ำเสีย เพราะอ้างแต่แผนแม่บทเพื่อดำเนินการก่อสร้างบ้านมั่นคงด้วยการถมคลองเปรม ฯ โดยมีขั้นตอนดำเนินการไม่ถูกต้อง ดังนั้นเมื่อกลางเดือน มกราคม2566 ที่ผ่านมามีการถมคลองเปรมประชากรอีกครั้ง เพื่อการก่อสร้างบ้านมั่นคงเฟสสอง โดยที่ประชาชนไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการดำเนินโครงการก่อสร้างบ้านมั่นคงอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ประชาชนที่อยู่อย่างถูกกฎหมายได้ยินมาก่อนคือ จะดำเนินการสร้างถนนสี่เลน ทำสวนสาธารณะและทางขี่จักรยานริมคลองเปรม ฯ ให้มีความสวยงามและความเจริญไม่ต่างจากที่อื่น ๆ ที่ดำเนินการมา เพราะฉะนั้นจากเหตุการณ์ถมคลองเปรม ฯ และดำเนินการก่อสร้างบ้านมั่นคงในครั้งนี้ทำให้ประชาชนชาวหลักหกทั้งหมดต้องอกสั่นขวัญผวาทุกครั้งที่ฝกตกว่าน้ำจะท่วมพวกเค้าอีกไหม จะต้องเผชิญกับความเดือนร้อนอย่างแสนสาหัสไม่ต่างจากปี 2554 ดังเช่นตัวอย่างเมื่อวันที่ 8 เดือนกันยายน2565 ได้เกิดฝนตกหนักเพียง 3 ชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมทั้งในชุมชนเมืองเอก ชุมชนหลักหก ชุมชนวิภาวรรณ เผชิญกับน้ำเอ่อล้นริมคลองเปรม ฯ ขึ้นมาท่วมบ้านเรือนของประชาชนชาวหลักหกหลายชุมชน อันเนื่องมาจากพื้นที่รับน้ำส่วนหนึ่งได้หายไปนอกจากนี้ การก่อสร้างบ้านมั่นคงได้มีการรุกล้ำไปในคลองเปรม ฯ และรุกล้ำถนนสาธารณะที่ประชาชนได้ใช้ในการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพ ฯ ทำให้มีสภาพเลวร้ายลงกว่าเดิม ไม่ได้มีความกว้างของถนนกว้างกว่าเดิม มีการก่อสร้างอาคารชิดแนวขอบถนนทำให้ถนนคับแคบ มีการจอดรถบนถนนไม่ต่างไปจากเฟสหนึ่ง ไม่มีการดำเนินการก่อสร้างที่ถูกต้อง โดยจะต้องจัดทำระบบระบายน้ำฝน น้ำเสีย และระบบสาธารณูปโภคให้เรียบร้อยก่อนการดำเนินการก่อสร้างบ้านมั่นคง
ดังนั้นประชาชนชาวหลักหก จึงเรียนขอให้สื่อสารมวลชนได้ช่วยเผยแพร่ข่าวสารความไม่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ได้รับรู้ปัญหาเหล่านี้ และจะได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วและระงับความเสียหายอันมหาศาลที่จะเกิดขึ้นอีกมากมายตามมาในภายหลังอย่างประเมินค่าไม่ได้
นายภาณุเมศวร์ กล่าวอีกว่า ในวันนี้ที่ชาวบ้านต้องเดินทางมาเพราะการก่อสร้างโครงการบ้านมั่นคงของสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิตจำกัด มีการถมคลองส่งน้ำเปรมประชากรซึ่งเป็นสมบัติของแผ่นดิน ทำไมกรมธนารักษ์มานำคืนไปแล้วมาก่อสร้างถมคลองก่อสร้างบ้านแล้วปล่อยให้เช่า พอปล่อยเช่าก็มีการก่อตั้งสหกรณ์โดยไม่ทราบว่าเอาใครมาจัดตั้งแล้วเข้าอยู่ ที่สำคัญคือหากโครงการนี้สร้างเสร็จส่งส่งผลเรื่องความเดือดร้อนตามมาคือ น้ำท่วม การจราจรที่จะติดขัดมากขึ้น จุดที่ก่อตั้งโรงการก็จะเป็นแหล่งเสื่อมโทรมในอนาคต เราจึงออกมาเรียกร้องเพราะเทศบาลเป็นหน่วยงานหลักในการอนุญาตว่ามีการอนุญาตได้เช่นไร ซึ่งเรายื่นครั้งนี้ครั้งที่สองแล้ว
เดิมก็มีถนนเลียบคลองอยู่แล้วอาจจะมีบางจุดที่แคบบ้าง แต่ทุกวันนี้มีการก่อสร้างรุกล้ำบนถนนหน้าบ้านติดถนน จะทำให้การจราจรของชาวบ้านที่จะเดินทางเข้ากทม.ลำบากยิ่งขึ้นเพราะการจราจรติดขัดจึงเป็นประเด็นหลัก อันดับต้นๆคือน้ำท่วมเพราะช่วงแรกที่เฟส1สร้างเสร็จ เมื่อมีฝนตกลงมาเพียง3 ชม.ส่งผลให้น้ำท่วมบนถนนเลียบคลองและบ้านของประชาชนเพราะคลองแคบส่งผลต่อการระบายน้ำ จึงอยากให้เทศบาลตำบลหลักหกระงับการก่อสร้างโครงการอย่าให้มีการถมคลอง รอรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ทำประชาวิจารณ์ให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่ประชาชนอยากได้
