เปิดใจสัปเหร่อนอนในเมรุ วัดดังขอนแก่น บางคนตกงาน-เมียทิ้ง ไม่มีที่ไป จึงมาทำงานและกินอยู่ที่วัด
พบส่วนใหญ่ไม่กลัวผีแต่กลัวโจรมากกว่า เพราะวัดอยู่ใจกลางเมือง
เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากผู้ใช้ Tiktok ชื่อ NUM_22 ที่ได้โพสต์ภาพที่นอนของสัปเหร่อซึ่งเป็นบริเวณภายในเมรุของวัดป่าอดุลยาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมข้อความระบุว่า “จากเด็กวัดกลายเป็นสัปเหร่อ ใช้เมรุเป็นบ้าน ที่นี่ขอนแก่น” ซึ่งภายในนั้นมีทั้งเตาไฟฟ้าที่ใช้เผาศพและมีทั้งสิ่งของที่ทางวัดใช้ประกอบพิธีวางอยู่บริเวณโดยรอบ จะเห็นว่ามีสิ่งของส่วนตัวและคล้ายกับเป็นพื้นที่พักผ่อน
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดอดุลยาราม โดยพบกับนายพีรพงษ์ วันยา อายุ45 ปีสัปเหร่อประจำวัด ซึ่งกำลังจัดเตรียมพื้นที่สำหรับการประกอบพิธีฌาปนกิจศพในช่วงเย็นวันนี้
นายพีรพงษ์ กล่าวว่า ภาพที่ปรากฎผ่านโซเชียลนั้น เป็นเรื่องจริงที่ตนเองอาศัยอยู่ภายในเมรุเผาศพจริง ซึ่งโดยส่วนตัวตนเองเป็นคนขอนแก่น มีบ้านและมีครอบครัว แต่ได้หย่าร้างกับภรรยาไปนานแล้ว โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2562 ได้มางานศพเพื่อนที่วัดอดุลยารามแห่งนี้ และเป็นช่วงที่ตกงานครอบครัวก็แตกแยก จึงมีญาติที่เป็นสัปเหร่อที่วัดนี้ชวนมาทำงานด้วยเพราะเห็นว่าว่างงาน จึงตัดสินใจมาอยู่ที่วัด
” เหตุผลที่ต้องมานอนภายในเมรุนั้น เนื่องจากว่าบางครั้งมีญาตินำเอาศพมาที่วัดในช่วงกลางดึก ผมก็ต้องเข้ามาจัดการศพ และนิมนต์พระมาทำพิธี และหากญาติที่นำศพมาไม่สะดวกเฝ้าศพผมก็ต้องนอนเฝ้าศพให้ซึ่งถ้าจะขนของใช้ส่วนตัวและมานอนในศาลาพักศพ ก็เป็นเรื่องไม่เหมาะสมเพราะในช่วงกลางวัน ญาติก็จะเข้ามาเคารพศพ จึงต้องใช้บริเวณภายในเมรุข้างเตาเผาศพเป็นที่นอน ซึ่งนอนอยู่ที่นี่มาประมาณ4ปีแล้ว“
นายพีรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า โดย ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะตอนกลางคืนก็ต้องดูความเรียบร้อยภายในวัดเนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้ปิดประตูในช่วงกลางคืนเพราะมีถนนตัดผ่านประชาชนก็ใช้ถนนเส้นนี้สัญจรอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่นายบัว ปอนจตุจักร อายุ 70 ปี สัปเหร่อวัดอีกคน กล่าวว่า นอนอยู่ภายในเมรุมากว่า 20 ปีแล้ว ตั้งแต่เป็นเมรุหลังเก่าที่ไม่ใช่เป็นเตาไฟฟ้า ก่อนหน้ามีสัปเหร่อทั้งหมด 8 คน ก็นอนอยู่ภายในเมรุทั้งหมดก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะจัดเป็นสัดส่วน ซึ่งสาเหตุที่ต้องนอนอยู่ที่นี่ตลอดก็เพราะสะดวกแก่การนอนเฝ้าศพให้ญาติที่นำมากลางดึก หรือแม้กระทั่ง หากมีการสวดศพหลายๆวันก็ต้องนอนเฝ้าให้ เพราะบางครั้งญาติของคนเสียชีวิตก็ไม่สะดวกที่จะต้องมานอนเฝ้าอยู่ที่วัด
“และที่สำคัญบางศพไม่มีเงินจัดงาน ทางพระครูอดุลสารนิเทศ เจ้าอาวาสวัดอดุลยาราม ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายและจัดงานให้ ซึ่งตนเองก็ต้องอยู่ช่วยตลอดทั้งงาน ส่วนเรื่องลี้ลับในช่วงที่นอนในเมรุนั้นก็ต้องพบเจอบ้างเพราะตนเองทำเกี่ยวกับศพ มีทั้งตายโหง ตายธรรมชาติต้องผ่านมือมาแล้ว บางคืนก็พบว่ามีวิญญาณกลับมาขอบคุณตนเองที่เมรุ แต่ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนกลัวผี แต่กลัวโจรจะเข้ามาที่วัดมากกว่า“
ด้านพระครูอดุลสารนิเทศ เจ้าอาวาสวัดป่าอดุลยาราม กล่าวว่า การที่สัปเหร่อนอนในเมรุก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเป็นการทำหน้าที่ อีกทั้งวัดแห่งนึ้มีการเผาศพที่มีญาติ เผาศพไร้ญาติ รวมถึงศพที่ไม่มีเงินจัดงาน เมื่อเวลามีคนนำเอาศพมาไว้ที่วัดก็ต้องมีคนคอยดูแล เพราะที่นี่ยังยึดถือตามประเพณีโบราณที่ต้องมีคนเฝ้าศพคอยจุดธุปเทียน เมื่อธูปหมดลงกลางดึก อีกทั้งกลัวสิ่งของภายในวัดนั้นเสียหาย สัปเหร่อจึงต้องนอนเฝ้าอยู่ภายในเมรุเผาศพ ส่วนบางคนอาจมองว่าอาจจะเกะกะในช่วงของการทำพิธีหรือไม่นั้น บริเวณที่สัปเหร่อนอนจะอยู่ด้านหลังของเตาเผาศพ ซึ่งจะไม่มีคนใช้งานและเดินผ่าน จะมีแค่สัปเหร่อเท่านั้นที่เข้าไป ส่วนพื้นที่จัดงานจะเป็นศาลาพักศพ ที่ใช้ในการจัดพิธีดำเนินการต่างๆ จึงเป็นคนละส่วนกัน