นายกเทศขอนแก่น มั่นใจ แผนโรดแมปคลายล็อกโรคโควิด ทุกคนเตรียมตัวและเตรียมใจครบรอบด้าน
พร้อมระบุด้วยสถานการณ์บีบคั้น ต้องเริ่มนับ 1 ทันที คาดทุกคนกล้ายอมรับความเสี่ยง เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแม้จะไม่เหมือนเดิม
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 6 เม.ย.2565 ที่สำนักงานเทศบาลนครขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยว่า การประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป โดยที่ขณะนี้การดำเนินงานของรัฐบาลนั้นเป็นขั้นตอน เพราะในเมื่อโรคที่เกิดขึ้นไม่สามารถหายไปจากโลกได้ ก็ต้องมาจัดการที่ตัวเราเอง ซึ่งการปรับที่ตัวเองนั้น หากแผนโรดแมปคลายล็อค ตามที่รัฐบาลกำหนด ที่มีมาอย่างชัดเจนประชาชนก็ต้องมาปรับตัวเองว่าบันไดขั้นที่ 1 จะเป็นอย่างไร ซึ่งก็คือการเรียนรู้เรื่องโรค และการป้องกัน การฉีดวัคซีน การมียารักษาให้ครบ แม้กระทั่งการเตรียมพื้นที่ กรณีที่มีเหตุและต้องกักตัว
“เรื่องนี้ ไม่ใช่เฉพาะการเตรียมใจ แต่เราก็ต้องเตรียมตัว ไปพร้อมกันได้ ซึ่งในการเตรียมใจนั้นถ้าติดขึ้นมา ก็จะได้ไม่ตื่นตระหนก แต่การเตรียมตัวนั้น เมื่อเกิดพบการติดเชื้อขึ้นมาลำดับขั้นตอนในการประสานงานหรือ การเตรียมตัวเองนั้นจะต้องทำอย่างไร ดังนั้นการคลายล็อคโรคโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่นในวันที่ 1 ก.ค. ดังนั้นจุดเริ่มต้น ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงออกถึงความรู้สึกว่า ทุกคนเริ่มเข้าสู่มาตรการที่ผ่อนคลาย”
นายธีระศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อเข้าสู่ห้วงการผ่อนคลาย โดยมีมาตรการที่ลดความเข้มงวดลงมา โดยที่คนที่ระมัดระวังตัว และป้องกันตนเอง ก็จะยังคุมเข้มในมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และต้องมีหลายอาชีพ และหลายธุรกิจ ที่จะต้องเกิดกลับมา ที่เกิดจกการผ่อนคลาย ดังนั้นเมื่อขอนแก่น จัดอยู่ในกลุ่มพื้นที่สีเหลืองตามการจัดอันดับของ ศบค. ที่เริ่มจาก 1 เม.ย. ตามแผนโรดแมป ดังนั้นการผ่อนคลายที่เริ่มจากการจำกัดจำนวนคนในการร่วมกิจกรรมที่มากขึ้นการรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น การให้คนผ่อนคลายและสังสรรค์ให้มากขึ้น ซึ่งคนที่จะต้องออกไปดำเนินกิจกรรมเหล่านั้นทุกคนจะต้องรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะสุดท้ายเมื่อโรคไม่ได้หายไปไหน เราก็ต้องมาดูแลตัวเอง แต่เมื่อทุกคนจะต้องออกไปเผชิญก็ต้องยอมรับกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย
“โดยส่วนตัวมองว่าจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 1 ก.ค. เป็นช่วงของการเตรียมตัวและเตรียมใจทุกคนมีสิทธิ์ที่จะติดได้มากขึ้น และเมื่อทุกคนเสี่ยงก็จะต้องเตรียมตัว ซึ่งเมื่อเข้าสู่โรคประจำถิ่น1 ก.ค เราจะต้องผ่านเดือน เม.ย.พ.ค.และ มิ.ย. ซึ่งหากทุกคนทำได้และร่วมมือกัน การเข้าสู่โรคประจำถิ่น ตามที่รัฐบาลกำหนด ทุกคนก็จะพร้อมที่จะก้าวผ่านในจุดนี้ไป เพราะโรคยังคงอยู่แต่เราก็ต้องพลิกวิถีชีวิตตัวเองให้กลับมาเดินหน้าต่อไปให้ได้ ซึ่งทุกอย่างคงไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่เราก็ต้องเดินหน้าก้าวไปให้ได้ อย่างไรก็ดี 3 เดือนจากนี้ไปถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและเหมาะสมอย่างมาก ที่จะก้าวสู่การเป็นโรคประจำถิ่น เพราะถ้ารอช้ากว่านี้ เราจะไปนับหนึ่งกันได้เมื่อใด เพราะขณะนี้ด้วยสถานการณ์ทุกอย่างล้วนบีบคั้น ทั้งสถานการณ์โรคระบาดสถานการณ์สงคราม สถานการณ์สินค้าขึ้นราคา สถานการณ์เงินเฟ้อ โดยที่ทุกคนนั้นเงินในกระเป๋าหร่อยหลอลง ทั้งหมดนี้เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นแบบลูกโซ่ และเป็นลูกระนาด ถ้าไม่รีบทำบางสิ่ง บางอย่าง หลายอย่างที่เป็นปัจจัยซ้ำเติมก็จะยิ่งแย่ไปกว่านี้”