ปตท.รุก“โครงการลมหายใจเพื่อน้อง”ผนึกกสศ.นำเด็กหลุดจากระบบการศึกษากว่า 6 หมื่นรายที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
กลับเข้าเรียนในปีการศึกษา 2565
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาร่วมพิธีแสดงเจตนารมณ์ “โครงการลมหายใจเพื่อน้อง” เพื่อคืนโอกาสให้แก่เด็กนักเรียนและเยาวชนในช่วงชั้นรอยต่อ ที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาในปี 2565 ให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
นายอรรถพล กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ปตท. ได้ช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระภาครัฐจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจัดตั้ง “โครงการลมหายใจเดียวกัน” ขึ้นในปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ระบบสาธารณสุขในการรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด
อย่างไรก็ดี โควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้รายได้ของหลายครัวเรือนลดลง เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เด็กนักเรียนจำนวนมาก มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา ปตท. จึงจัดตั้ง “โครงการลมหายใจเพื่อน้อง” ขึ้น โดยตั้งเป้าหมายมอบทุนการศึกษากว่า 150 ล้านบาท ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. ให้แก่น้อง ๆ เยาวชนจากครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 จำนวนกว่า 60,000 คนทั่วประเทศ
ดร.ไกรยส กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของประเทศไทย และขนาดประชากรของครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนของสภาพัฒน์ทั้งในและนอกระบบการศึกษา มีอยู่มากกว่า 2 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19 อีกทั้งช่วงชั้นรอยต่อระหว่างปีการศึกษาในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุก ๆ ปี คือช่วงเวลาสำคัญที่จะกำหนดชะตาชีวิตการเรียนต่อของนักเรียนในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ซึ่งก่อนปิดภาคเรียนที่ผ่านมา กสศ. สำรวจพบว่ามีนักเรียนในครัวเรือนยากจนพิเศษช่วงชั้นรอยต่อจำนวนราว 60,000 คน ที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบ ซึ่งการหลุดออกจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควรจะทำให้พวกเขาติดอยู่ในกับดักความยากจน และมีโอกาสสูงมากที่ความยากจนจากรุ่นพ่อแม่จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเราเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า ปัญหาความยากจนข้ามชั่วคน (Intergenerational Poverty) ที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนาน
ปตท. และ กสศ. เชื่อมั่นว่าหากเด็กและเยาวชนได้รับโอกาส และสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ เด็กและเยาวชนเหล่านี้จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญที่จะร่วมพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป