จีนศึกษา๑๘๐ นโยบายต่างประเทศไทยต่อความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง
ข้อคิดจากผลงานการวิจัยเรื่อง“นโยบายต่างประเทศไทยต่อความร่วมมือล้านช้าง–แม่โขง”ของดร.วิลาสินี พิบูลย์เศรษฐ์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง ที่ได้นำเสนอในการสัมมนาวิจัยยุทธศาสตร์ไทย–จีน ครั้งที่ ๘ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๒ ที่เมืองเซี่ยะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน
งานวิจัยเรื่องนี้ ได้กล่าวถึงความร่วมมือล้านช้าง–แม่โขง (Lancang-Mekong Cooperation: LMC) ว่า เป็นหนึ่งในความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบไปด้วยสมาชิก ๖ ประเทศ ได้แก่ จีน กัมพูชาสปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนามและไทย ซึ่งการวิจัยเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายศึกษาความสำคัญของความร่วมมือล้านช้าง–แม่โขงและศึกษานโยบายต่างประเทศไทยต่อความร่วมมือล้านช้าง–แม่โขง ผลการวิจัยพบว่า
ความร่วมมือล้านช้าง–แม่โขงเป็นความร่วมมือที่มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงระหว่างประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงที่มีความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรมแบ่งปันความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและแบ่งปันอนาคตแห่งความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันลดความเหลื่อมล้ำด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ โดยได้นำแนวคิดกลไกความร่วมมือ ๓+๕ (3+5 mechanism of cooperation) มาใช้ประกอบด้วย ๓ เสาหลักความร่วมมือได้แก่ (๑) ด้านการเมืองและความมั่นคง (political and security issues) (๒) การพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน (economic and sustainable development) และ (๓) การแลกเปลี่ยนทางสังคม วัฒนธรรมและประชาชนสู่ประชาชน (cultural and people-to-people exchanges)
ทั้งนี้ ความร่วมมือล้านช้าง–แม่โขงยังรวมถึงประเด็นสำคัญหลัก ๕ประการ ได้แก่ (๑) ความเชื่อมโยง(connectivity) (๒) ความสามารถในการผลิต (production capacity) (๓) ความร่วมมือทางเศรษฐกิจข้ามพรมแดน (cross-border economic cooperation) (๔) ทรัพยากรน้ำ(water resources) และ (๕) การเกษตรและการลดความยากจน(agriculture and poverty reduction)
สำหรับข้อเสนอแนะแนวทางนโยบายต่างประเทศไทยต่อความร่วมมือล้านช้าง–แม่โขง
๑. ส่งเสริมบทบาทและนโยบายความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐของไทย ในการสร้างความร่วมมือและประสานนโยบายต่าง ๆ กับความร่วมมือล้านช้าง–แม่โขงและประเทศสมาชิก
๒. ผลักดันบทบาทของจังหวัดชายแดนที่ตั้งอยู่ใกล้ริมน้ำโขง เช่นจังหวัดเชียงราย ในการร่วมมือและแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้นกับท้องถิ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโครงสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยการปกครองส่วนภูมิภาคของประเทศเพื่อนบ้านกับจังหวัดชายแดนของไทย การอำนวยความสะดวกด้านการค้าชายแดน การปรับปรุงด่านศุลกากร การพัฒนาระบบดำเนินพิธีการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์เพื่อรองรับการขนส่งข้ามพรมแดน
๓. ผลักดันบทบาทรัฐวิสาหกิจไทยให้เข้าไปลงทุนในประเทศอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะการลงทุนในเรื่องทรัพยากรน้ำและการจัดหาพลังงาน
๔. ผลักดันบทบาทภาคเอกชนไทยในการเข้าไปแข่งขันและลงทุนในกลุ่มประเทศล้านช้าง–แม่โขงและขยายการลงทุนไปในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะในโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาคสินค้าอุปโภคบริโภค ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ภาคการก่อสร้าง ภาคธุรกิจบริการขนส่งและโลจิสติกส์และภาคธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว
๕. เพิ่มความร่วมมือแบบทวิภาคีกับประเทศจีน โดยเฉพาะนำจุดแข็งของจีนด้านเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาประเทศไทย รวมถึงการสร้างความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่งกับจีนจะส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงในภูมิภาคและอนุภูมิภาค โดยเฉพาะการดึงดูดนักธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก
๖. ส่งเสริมสถาบันวิจัยและหน่วยงานคลังสมอง อาทิ การจัดหาทุนเกี่ยวกับการวิจัย การประชุม การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างนักวิจัยและนักวิจัยกับผู้กำหนดนโยบาย ผลักดันการใช้ประโยชน์จากข้อเสนอแนะเชิงนโยบายจากงานวิจัยเพื่อเสริมการตัดสินใจทางนโยบายแก่ภาครัฐ
๗. ผลักดันและเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยสนับสนุนดึงดูดให้นักธุรกิจจีนลงทุนในในไทย เพื่อใช้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในประเทศอาเซียน
๘. การส่งเสริมภาคประชาชนและเปลี่ยนภาคประชาชน เช่น การแลกเปลี่ยนทางการศึกษา การท่องเที่ยวรวมทั้งส่งเสริมวัฒนธรรมและเข้าใจวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในลุ่มแม่น้ำโขง
๙. การผลักดันกลไกและความร่วมมือในระดับพหุภาคีเพื่อนำไปสู่พื้นฐานความร่วมมือและจัดการปัญหาต่าง ๆ ร่วมกัน
๑๐. ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในประเทศกลุ่ม CLMVT
ประมวลโดย พลโท ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ของศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย–จีน วช. www.vijaichina.com )