เหล่าทัพ-ตำรวจ

สํานักงานตํารวจแห่งชาติทลายแก๊งกดเงินบัญชีม้าสมุทรปราการ ยึดเงินสดได้คามือเกือบ 2 ล้านบาท

สืบเนื่องจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามแต่งตั้ง “คณะกรรมการ
อํานวยการป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ตามคําสั่ง สํานักนายกรัฐมนตรี
ที่ 341/2568 โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./
ผอ.ศปอส.ตร. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช./รอง ผอ.ศปอส.ตร.
ร่วมขับเคลื่อนการทํางาน เพื่อยกระดับการปราบปรามการกระทําผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ที่มีความซับซ้อน รูปแบบหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนัน
ออนไลน์

การเผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงการฟอกเงินโดยการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จนนํามาสู่ผลการปฏิบัติในครั้งนี้
วันอังคารที่ 21 ก.ย.68 เวลา 15.00 น. ณ กองบัญชาการตํารวจภูธรภาค 1 นําโดย
พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบช.ภ.1 ,
พล.ต.ต.วรชาติแสนคํา ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.พีรศักดิ์รอดบน
รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.มณเทียร เบ้าทอง รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.วิศิษฏ์ มะอักษร
รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.ชินโชติวัฒนธนานพ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.1
พร้อมเจ้าหน้าที่ตํารวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.3 บก.สส.ภ.1 ร่วมแถลงข่าว สํานักงานตํารวจแห่งชาติทลายแก๊งกดเงิน
บัญชีม้าสมุทรปราการยึดเงินสดได้คามือเกือบ 2 ล้านบาท
โดยกรณีนี้ได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงรายหนึ่งได้รับสายโทรศัพท์จากมิจฉาชีพ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แจ้งว่า
ผู้เสียหายมีพัสดุตกหล่น ต่อมามีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองผู้บริโภคแจ้งว่าต้องตรวจสอบเงินของผู้เสียหาย
เพื่อคุ้มครองเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทําตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแจ้ง สุดท้ายถูกหลอกให้โอนเงินออกไป จํานวน
400,000 บาท และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี เพื่อพาเข้าแจ้งความ ณ สภ.พระประแดง
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตํารวจได้สืบสวนกรณีดังกล่าว โดย บก.สส.ภ.1 ได้รับแจ้งข้อมูลจาก War Room IAC
สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ว่าได้มีกลุ่มแก๊งคอกม้าทําหน้าที่เป็นจัดหาบัญชีม้ามาถอนเงินสดที่ได้จากการหลอกลวง
ผู้เสียหาย ซึ่งคาดว่าสร้างความเสียหายแล้วกว่า 4,000,700 บาท
โดยเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.สส.3 บก.สส.ภ.1 ได้สืบสวนติดตามจนรู้ตัวกลุ่มคนร้ายและยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ
ทั้งหมดว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน ที่ทําหน้าที่เป็นกลุ่มคนคุมคอกบัญชีม้าในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จนกระทั่งในวันที่
20 ต.ค.68 เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตํารวจสืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่คุมคอกบัญชีม้าได้ออกมาเตรียมตัว
เพื่อจะให้บัญชีม้าออกมาถอนเงินสด จึงได้สะกดรอยติดตามไปจนถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาพระประแดง

จนกระทั่งมี น.ส.แสงดา พร้อมกับนายธนากรณ์ ลงมาจากรถยนต์ ยี่ห้อ mitsubishi รุ่น xpender ที่ใช้รับส่ง
บัญชีม้าไปถอนเงินตามสถานที่ต่างๆ ได้เดินไปถอนเงินสดที่ธนาคารแรก จํานวน 525,820 บาท และธนาคารที่สอง
จํานวน 1,398,580 บาท (ถูกหักค่าธรรมเนียมบัญชีต่างจังหวัด 1,420 บาท) รวมทั้ง 2 ธนาคารเป็นเงิน จํานวน
1,924,400 บาท ต่อมา น.ส.แสงดาฯ ได้นําเอาเงินไปให้นายธนากรณ์ฯ ที่ยืนรออยู่บริเวณใกล้กับธนาคารฯ เพื่อจะนํา
เงินสดไปให้ นายกิตติพงศ์ฯ ที่จอดรถยนต์รออยู่ในบริเวณลานจอดรถของห้างฯ เพื่อรอนําไปส่งให้แก่คนรวมเงินไปส่ง
ให้ผู้สั่งการ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตํารวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมตัว น.ส.แสงดาฯ และ นายธนากรณ์ฯ พร้อมตรวจยึดเงินสด
ของกลางรวม 1,924,400 บาท โดยในระหว่างจับกุมทั้ง 2 ราย นายกิตติพงศ์ฯ ได้เห็นเหตุการณ์ จึงขับรถยนต์หลบหนี
ส่วนชายอีกคนที่ทําหน้าที่รอรวบรวมเงินไปส่งให้ผู้สั่งการ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น Forza สีแดง
ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้เร่งติดตามไปจนสามารถจับกุมตัวนายกิตติพงศ์ไว้ได้ใน
ซอยเทศบาลบางปู45 อ.บางปู จ.สมุทรปราการ ส่วนผู้รวบรวมเงินไปส่งให้ผู้สั่งการ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวได้ที่
ซอยเคหะ 29 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ทราบชื่อ นายมนัสชัยฯ จึงได้เชิญตัวมาให้ถ้อยคํา
ในเรื่องดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้จับกุมผู้ต้องหา จํานวน 3 คน ได้แก่
1. น.ส.แสงดา อายุ 30 ปี (บัญชีม้า) พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นเงินสด จํานวน 1,924,400 บาท, สมุดบัญชีเงิน
ฝาก และโทรศัพท์มือถือ
2. นายธนากรณ์ อายุ 26 ปี (คนคุมบัญชีม้า) พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสะพายที่ใช้ใส่
เงินสดที่ถอน
3. นายกิตติพงศ์ อายุ 31 ปี (คนคุมบัญชีม้า) พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นรถยนต์mitsubishi รุ่น xpender
และโทรศัพท์มือถือ
โดยดําเนินคดีฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชี
เงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง โดยมีพฤติการณ์ที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนําไปใช้ในการ
กระทําความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ม.9) , จัดหา โฆษณา หรือไขข่าว เพื่อให้มีการซื้อขาย บัญชีเงินฝาก บัตร
อิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนําไปใช้กระทําความผิดทางอาญา(ม.10)”

สมศักดิ์ หิรัญรุ่ง รายงาน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เอง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า