ผบ.นบ.ยส.35 ระบุสถานการณ์ยารุนแรงขึ้นรอนำเข้าทางชายแดนกว่า 90 ล้านเม็ด
วันที่ 15 มิถุนายน 2567 เวลา 11.00 น. พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ 35 หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า จากการเฝ้าติดตามทางการข่าวพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบันยังคงมีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องและรุนแรงเนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตค่อนข้างมีเสรีในการผลิตโดยเฉพาะเขตรัฐฉานเหนือที่ติดกับประเทศจีนถือว่าเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญประกอบกับเมียนมานำกำลังส่วนใหญ่ออกรบบริเวณพื้นที่ด้านล่างตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตากเป็นหลัก ขณะที่การผลิตยาในปัจจุบันนิยมใช้สารสังเคราะห์ทำให้การผลิตง่าย โดยไม่ต้องมีการขนส่งสารตั้งต้นจากต่างประเทศ ตลอดจนราคายาบ้ามีราคาถูกลง จากการซื้อขายหน้าโรงงาน 3-4 เท่า โดยบริเวณชายแดนราคาอยู่ที่ 5 บาท ข้ามเข้ามาในเขตไทยราคาจะอยู่ที่ 20-30 บาท ซึ่งแต่เดิมราคาในจังหวัดเชียงใหม่จะอยู่ที่เม็ดละ 50 – 100 บาท ส่วนที่กรุงเทพฯราคาจะอยู่ที่เม็ดละ 150 บาท เนื่องจากมีกำลังการผลิตมากขึ้นกลุ่มผู้ค้าต้องการงบประมาณค่อนข้างมาก ดังนั้นการลักลอบขนยาเข้าพื้นที่ตอนในของไทยจึงมีปริมาณค่อนข้างมากจะเห็นได้จากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ในแต่ละครั้ง ทั้งนี้จากการข่าวล่าสุดพบว่ามียาเสพติดรอนำเข้าทางชายแดนกว่า 90 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 ตัน
ทั้งนี้ที่ผ่านมาหน่วยงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ที่มีทั้งหน่วยทหารตำรวจ และพลเรือนตลอดจนประชาชนในพื้นที่ได้บูรณาการร่วมกันในการสกัดกั้น ทั้งด้าน 5 อำเภอชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่ และ อ.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย จะเห็นได้จากกรณีการจับกุมที่ อ.เชียงดาว กว่า 8 ล้านเม็ด ซึ่งเกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแจ้งเบาะแส ส่งผลให้กลุ่มขบวนการเริ่มนำเข้ายาทาง อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อ.ภูซาง อ.เวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ไม่นับที่ไปทางภาคอีสาน ทางนบ.ยส.35 ได้วิเคราะห์ว่าตลาดยาไม่ได้เพิ่มตามจำนวนยาที่จับกุมได้ ส่วนในต่างประเทศตลาดยาบ้ายังคงอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซียที่เป็นตลาดแรงงาน ส่วนยาไอซ์ตลาดส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น และประเทศทางยูโรป
ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือกล่าวต่อว่า จากสถิติการจับกุมยาที่ผ่านมาพบว่า มีการจับกุมยาเสพติดบริเวณชายแดนภาคเหนือได้มากกว่า 70 % ตามจับกุมในพื้นที่ตอนใน 20-30 % และยาหายจากวงจรการสกัดกั้นประมาณ 1 ใน 3 ของการนำเข้า ปัจจุบันการสกัดกั้นยาเสพติดค่อนข้างยากลำบากเนื่องจากสภาพภูมิประเทศ เส้นทางการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว เทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับภาคเหนือมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลายจังหวัด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หน่วยงานสกัดกั้นจะต้องบูรณาการงานด้านการข่าวอย่างรัดกุม เพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น และเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความปลอดภัย ที่สำคัญต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ในการแจ้งเบาะแส
ทั้งนี้หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) มีผลการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ 11 อำเภอชายแดน ของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย รวมถึง การติดตามจับกุมไปจนถึงพื้นที่ตอนในของหน่วยบูรณาการภายใต้ นบ.ยส.35 ในภาพรวมตั้งแต่ 1 ธ.ค. 66- 14 มิ.ย.67 )มีเหตุการณ์สำคัญ 94 เหตุการณ์ โดยมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการ36 ครั้ง ตรวจยึดจับกุม 53 ครั้ง และขยายผล ยึดทรัพย์ 5 ครั้ง ตรวจยึด ยาบ้ารวม178,179,021เม็ด, ไอซ์ 1,890 กก., เฮโรอีน 252 กก., ฝิ่นดิบ 188 กก., จับกุมผู้ต้องหา1,521 ราย, กลุ่มขบวนการ เสียชีวิต 25 ศพ ซึ่งจากสถิติการจับกุมยาเสพติดย้อนหลังเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในห้วงเดียวกัน พบว่า การตรวจยึดยาบ้า เพิ่มขึ้น105,819 เม็ด คิดเป็นร้อยละ 146.24 ส่วน ไอซ์ เพิ่มขึ้น 608 ก.ก. คิดเป็นร้อยละ 47.43
สมศักดิ์ หิรัญรุ่ง ผู้สื่อข่าวภาคสนามรายงาน