หลายท่านสงสัยว่า ทำไมต้องอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มาประดิษฐานที่อุบลราชธานี และทำไมเลือกส่งเสด็จฯกลับอินเดียที่กระบี่
ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล มีที่มา และเชื่อมโยงกัน
แอดมีโอกาสได้เข้าสัมภาษณ์คุณสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย980 ประเทศอินเดีย ก่อนที่งานสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่อุบลราชธานีจะจบลง เมื่อคืนวานนี้
คำถาม : ทำไมจึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ มาที่อุบลราชธานี
ได้รับคำตอบที่เป็นเหตุผลหลายประการที่มีความงดงามเหลือเกิน และแอดเรียบเรียงได้ดังนี้
“อุบลราชธานี” เป็นดินแดนมงคล เพราะเป็นดินแดนแสงแรกในสยาม ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม การได้เห็นแสงอาทิตย์ในแต่ละวันถือเป็นมงคลชีวิตบ่งบอกว่าเรายังมีชีวิตอยู่ เพื่อเรียนรู้และปฏิบัติธรรม
อุบลราชธานี เป็นแหล่งกำเนิดพระอริยสงฆ์มากมาย จึงเป็นแผ่นดินแห่งธรรมโดยแท้
เป็นจังหวัดเดียวที่มีชื่อลงท้ายว่า “ราชธานี” และเมื่อรวมกับคำว่า “อุบล” เป็น“อุบลราชธานี” แปลว่า เมืองแห่งดอกบัว ซึ่งดอกบัวเป็นดอกไม้ที่ปรากฏในการประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน และพระพุทธองค์เคยใช้ดอกบัวเปรียบมนุษย์ 4 ระดับ หรือที่เรารู้จักกันดีจากคำสอนเรื่อง “ดอกบัวสี่เหล่า“
นอกจากนี้โครงการที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประเทศไทยคราวนี้ ได้ตกลงกับอินเดีย ใช้ชื่อว่า “ธรรมายาตรา จากมหานทีคงคา สู่แม่น้ำโขง” อุบลราชธานีจึงถูกเลือกด้วยมีแม่น้ำโขง และมีจุดเชื่อมระหว่างแม่น้ำ 2 สาย โดยมีแม่น้ำโขงบรรจบกับแม่น้ำมูล (แม่น้ำ 2 สี) เสมือนว่า มหานทีคงคา ได้บรรจบกับแม่น้ำโขง อย่างงดงาม
#กระบี่ถูกเลือกเป็นพื้นที่ส่งเสด็จฯครั้งประวัติศาสตร์
การที่คนไทยมีโอกาสได้กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนี้ เหตุผลหนึ่งคือ ปีนี้เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 72 พรรษา ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ว่า อินเดียได้รับพระอรหันตธาตุที่อัญเชิญมาในครั้งนี้คืนจากพิพิธภัณฑ์วิคตอเรียอัลเบิร์ตในปี 1948 ได้บรรจุเอาไว้ในวิหาร ในปี 1952 ไม่เคยเสด็จออกนอกประเทศเลย เป็นระยะเวลา 72 ปี
และเสด็จมาที่ไทยเพราะธรรมราชา ผู้เป็นจอมทัพแห่งธรรมเป็นที่แรกในโลก ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ที่ตัวเลขทั้ง 2 ตรงกัน
จุดเชื่อมโยงระหว่างกระบี่กับอุบลราชธานีคือ อุบลราชธานีเป็นจังหวัดแสงแรก ส่วนกระบี่เป็นจังหวัดแรกของประเทศ หากเรียงตามตัวอักษร
กระบี่เป็นจังหวัดที่พบช้างเผือกประจำรัชกาลที่ 9
นอกจากนี้มูลนิธิวีระภุชงค์ ได้ร่วมกับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ทำการศึกษาเรื่องความเชื่อพญานาค 5 แผ่นดิน ได้แก่ ไทย พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม พบว่า ความเชื่อด้านพยานาคที่มีทางกายภาพ เกิดขึ้นครั้งแรกที่กระบี่ คือเขาหงอนนาค ที่ประดิษฐาน ปู่ภุชงค์นาคราช นาคาธิบดีลำดับที่ 3 ที่ปกปักษ์รักษาทะเลใต้ โดยเฉพาะทะเลอันดามันที่กระบี่ ที่เป็นเมืองท่าสำคัญในอดีต โดยหลักฐานปรากฏเป็นลูกปัดคลองท่อมที่ส่งไปขายยังเปอร์เซีย กระบี่จึงเป็นสถานที่สำคัญที่ผู้สัญจรทางทะเลมาไทย ต้องผ่านมา เช่นเดียวกับพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ทรงออกเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วโลก
วัดที่เป็นสถานที่ส่งเสด็จฯ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุกลับอินเดีย คือวัดมหาธาตุวชิรมงคล ซึ่งเป็นชื่อที่เป็นมงคลยิ่ง ปรากฏ พระนาม “วชิร” ซึ่งเป็นพระนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะการอัญเชิญมาก็เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษาด้วย
ด้วยเหตุนี้กระบี่จึงถูกเลือกให้เป็นพื้นที่ส่งเสด็จ ระหว่างวันที่ 15 – 18 มีนาคม 2567
โดยปกติแล้วการเปิดให้สักการะพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะอินเดียจะเปิดให้สักการะปีละ 1 วันเท่านั้น แต่คนไทยโชคดีมาก ที่ได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ถึง 26 วันด้วยกันใน 1 ปี
ไม่รู้อีกกี่ 100 ปีจะมีโอกาสแบบนี้อีก และหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุอัครสาวก เป็นเหมือนกระดูกมนุษย์ทั่วไป สื่อให้เห็นว่า พระองค์เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่เหมือนกับเรา แต่สามารถค้นพบทางดับทุกข์สู่พระนิพพาน แล้วทรงได้พระราชทานแนวทางแห่งการดับทุกข์ไว้ให้เราชาวพุทธทุกคนแล้ว โอกาสมหามงคลนี้ จึงเป็นโอกาสดี ที่ชาวพุทธของไทย และประเทศเพื่อนบ้าน จะได้กล่อมเกลาจิตใจ ยกระดับจิต ใช้ชีวิตแบบรู้ลมหายใจเข้า – ออก ตามรอยพระพุทธองค์
#ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ใกล้ชิดพระพุทธองค์
แอดมิน ยื้อยุด ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญครั้งสำคัญนี้ และขอประกาศธรรมนี้สู่ชาวพุทธทุกผู้นาม
เรียบเรียงจากเทปสัมภาษณ์ : คุณสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการ สถาบันโพธิคยาวิชาลัย980
15 มีนาคม 2567 เวลา 00.04 น.