คนไทยเสียชีวิตเพิ่มเป็น 21 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 16 ราย
โดยเช้าวันเดียวกันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเพิ่มเติมจากความคืบหน้าเมื่อคืนวันที่ 11 ตุลาคม เรื่องการอพยพของคนไทย ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจว่ามีรายงานเพิ่มเติมคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 21 ราย
ซึ่งขณะนี้เรื่องของการนำเครื่องบินเข้าไปมีความคืบหน้า กระทรวงการต่างประเทศรายงานมาว่าเรามีความพยายามหาช่องทางอื่นในการอพยพ ซึ่งน่าจะเป็นทางเรือน่าจะดีที่สุด แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าท่าเรือที่จะสามารถอพยพได้ต้องผ่านกาซ่า ฉะนั้นก็เป็นส่วนอันตราย ซึ่งทางเอกอัครราชทูตไทย ประจำอิสราเอล กังวลว่าน่าจะลำบาก ก็มีทางเดียวคือทางรถยนต์ ออกทางจอร์แดน ก็พยายามดูแลอยู่
ผมขอแสดงความเสียใจกับแรงงานไทยที่เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน รวมตอนนี้เป็น 21 คนทางรัฐบาลทำงานทั้งคืนเพื่อมองหาช่องทางอื่นในการอพยพ เช่น ช่องทางเรือ หรือทางรถยนต์ เพื่อผ่านออกไปยังประเทศจอร์แดน แต่ทั้งสองช่องทางยังมีความอันตรายสูงเนื่องจากต้องผ่านพื้นที่ที่มีการสู้รบ ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามดูแลคนไทยเต็มที่ในสภาวะที่ยากลำบากนี้ โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือการอพยพคนไทยทางเครื่องบิน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้ ให้รวดเร็วและปลอดภัยที่สุดครับ
ส่วนคนไทยชุดแรก 15 คน ที่เดินทางกลับประเทศไทยได้รับรายงานว่าออกเดินทางจากอิสราเอลแล้ว คาดว่าจะถึงประเทศไทยในเวลาประมาณ 11.16 น. ครับ
คนไทยในอิสราเอล ดับอีก 1 ถูกจับเพิ่ม 2 ราย รบ.เร่งเจรจาช่วยตัวประกันทั้ง 16 คน
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรมีรายงานว่าพบคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่ม 2 รวมเป็น 16 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเป็น 21 คน และขณะนี้ รัฐบาลไทย กำลังพยายามเจรจากับกลุ่มฮามาสเพื่อให้ปล่อยตัวประกันทั้ง 16 ราย
ส่วนทางกองทัพอากาศไทย (ทอ.) จะส่งเครื่องบินของทอ.ไปรับในวันที่ 15 ตุลาคม โดยช่วงเช้ารับ 120 คนและช่วงเย็น จำนวน 100 และในวันที่ 18 ตุลาคม ก็อีกเที่ยว อย่างไรก็ตามเมื่อคืนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้สั่งกระทรวงการต่างประเทศให้เพิ่มเที่ยวบินให้มากขึ้นเพื่อรับคนไทยกลับมา
สำหรับการเยียวยานั้น แรงงานไทยทุกคนที่เดินทางกลับมาจะได้รับเงินเยียวยา 15,000 บาท พิการ ได้รับ 15,000 บาท ทุพพลภาพ 15,000 บาท เสียชีวิต 40,000 บาท จัดงานศพในต่างประเทศ จ่ายให้ตามจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บาท