พบอดีตผู้ต้องโทษคดียาเสพติด เพื่อนล่อข้ามฝั่งไปเรียกค่าไถ่ 1.5 ล้านบาท พบอีกทีเป็นศพ
แม่โผล่ยืนยันตัวบุคคลส่วนเมียเผ่น คาดหักเหลี่ยมเฉือนคมแก๊งยานรก
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 22 พฤษภาคม 2565 มีผู้พบศพชายไทยอายุประมาณ 20-35 ปีลอยอืดอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำโขงบ้านโคกไก่เซา หมู่ 6 ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม โดยไม่พบเอกสารติดตัวระบุว่าเป็นใคร ในสภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาวสีดำ กางเกงในบ๊อกเซอร์ บริเวณศีรษะคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง ภายในปากมีผ้าอุดไว้ และใช้ผ้าขนหนูปิดปากมัดพันรอบศีรษะอีกรอบ ขณะที่แขนทั้ง 2 ข้างถูกมัดด้วยเชือกไนล่อนสีน้ำตาล ในสภาพมือไพล่หลัง ส่วนขาทั้ง 2 ข้างมีเชือกไนล่อนมัดจนเท้าชิดแนบกัน และจากข้อเท้าบริเวณหน้าแข้งถึงเข่ามีสก๊อตเทปสีขาวพันธนาการโดยรอบไว้อย่างแน่นหนา ตรวจตามร่างกายพบรอยสักสวยงามลวดลายกราฟฟิกเต็มตัว แขนขวามีรอยสักตัวหนังสือระบุว่า”ณัฐวุฒิ จำปาบุญ” ส่วนที่หลังเท้าซ้ายพบรอยสักเขียนคำว่า”ที่พัก” สภาพร่างกายผิวหนังส่วนใหญ่เริ่มเปื่อยยุ้ย คาดว่าผู้ตายอาจถูกแช่ในน้ำไม่น้อยกว่า 5 วัน เบื้องต้นคาดว่าอาจถูกฆาตกรรม ก่อนมัดศพโยนถ่วงน้ำอำพราง ในสภาพที่เหี้ยมโหดผิดมนุษย์ หลังชันสูตรเจ้าหน้าที่ส่งศพไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวชรพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง
หลังพบศพชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ได้ลงพื้นที่หาข้อมูลอัตลักษณ์ของผู้ที่เคยต้องโทษในคดีต่างๆ จนพบว่ามีอดีตผู้ต้องขังอยู่รายหนึ่ง มีประวัติต้องโทษในเรือนจำจังหวัดบึงกาฬ เดิมมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ออกจากบ้านเกิดไปมีครอบครัวอยู่ในพื้นที่ อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬโดยไม่มีการติดต่อกับคนทางบ้านนานกว่า 10 ปี ต่อมาได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงเดินเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น ล่าสุดเพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติดเมื่อช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา และได้เลิกรากับเมียเก่ามาได้คนใหม่ในพื้นที่เดียวกัน
ก่อนพบศพวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ได้บอกกับเมียว่าจะข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปหาเพื่อนที่อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยลักลอบเข้าไปในช่องทางธรรมชาติพื้นที่ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ โดยไม่ได้นำโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วย และทราบจากแหล่งข่าวต่ออีกว่าวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 มีคนโทรศัพท์เข้ามือถือของชายคนนี้โดยมีภรรยาเป็นผู้รับสาย พร้อมกับบอกว่าให้หาเงินมาไถ่ตัวสามีในวงเงิน 1.5 ล้านบาท จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกกระทั่งมีผู้พบศพลอดอืดอยู่ริมฝั่งโขง ซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตชื่ออะไร เพราะต้องรอญาติมายืนยันตัวตนอีกครั้งหากเป็นบุคคลเดียวกันสาเหตุการตายอาจมาจากการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันในขบวนการนอกกฎหมาย
ล่าสุด วันที่ 23 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.00 น. นางบุญหลาย(สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ชาวบ้าน ต.หินกอง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เดินทางมาพร้อมกับสามีชื่อนายบุญถม อายุ 64 ปี ได้เข้าพบกับเจ้าของคดี ร.ต.อ.หญิง จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อนำเอกสารที่เกี่ยวข้องยืนยันตัวบุคคล โดยพนักงานสอบสวนนำภาพถ่ายศพให้ทั้งสองดูก็จดจำรอยสักที่อยู่หน้าอกของผู้ตายได้ จึงยืนยันว่าศพฆ่าถ่วงน้ำนี้คือนายกิ่งไผ่ (สงวนนามสกุล) อายุ35 ปีลูกชายของตนเอง ที่ไม่ได้พบเจอกันประมาณ 7 ปี
นางบุญหลายเล่าว่าลูกชายออกจากบ้านไปทำงานอยู่ที่พัทยา ต่อมาได้ภรรยาเป็นคน จ.บึงกาฬทราบว่าชื่อ น.ส.นิ่ม (นามสมมติ) จากนั้นลูกชายก็มาอยู่บ้านเกิดเมีย โดยไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนตนเลย ได้แต่เพียงพูดคุยกันทางไลน์หรือโทรศัพท์บางเป็นครั้งคราว ตนทราบจากปากลูกสะใภ้ว่าลูกชายถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยเรียกเงินจำนวน 1,500,000 บาท ด้วยความร้อนใจจึงรีบไปหาลูกสะใภ้ที่ อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ สอบถามรายละเอียดต่างๆแล้วก็ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน ต่อมามีการต่อรองค่าไถ่ลงมาเหลือ 800,000 บาทโดยทางผู้จับตัวลูกชายขู่ว่าถ้าไม่ได้เงินตามที่ต้องการก็เตรียมรอรับศพได้เลย จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ กระทั่งวันที่ 22 พ.ค. น.ส.นิ่มลูกสะใภ้ได้โทรมาบอกว่าพบศพนายกิ่งไผ่ลูกชายในพื้นที่จ.นครพนม ให้ติดต่อขอรับศพไปฌาปนกิจด้วย ส่วนตัวเองไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้น ตนจึงชวนนายบุญถมสามีเดินทางจาก อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อขอดูศพและยืนยันตัวบุคคลดังกล่าวส่วนมูลเหตุการเสียชีวิตของลูกชายไม่รู้จริงๆ
เทพข่าวร้อน–รายงาน