สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘o มูลนิธิวีระภุชงค์ และ มจร ร่วมจัด พิธี บวงสรวงองค์พญานาคและทวยเทพ
จัดคณะนำคณะกรรมการเดินทาง
“สักการะนาคบารมี” และพิธีบวงสรวงองค์พญานาคและทวยเทพ
เนื่องในโอกาสงานสรุปโครงการวิจัย“อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย“
ไปที่ จ.มุกดาหาร นำโดยพระธรรมวรนายก ปฏิบัติเชิงลึก ณ แดนพุทธภูมิ อินเดีย–เนปาลที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค พระเมธีวรญาณ ป.ธ.9 ผศ.ดร. ผู้อำนวยการแผน
รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
นอกจากนี้มีผู้เดินทางมาร่วมงานอาทิพระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) เจ้าอาวาสวัดด่านใน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา และข้าราชการสื่อมวลจาก สปป.ลาว
ท่านวิภาวัน ภรรยา ท่านไซส พมวิหาน ประธานสภา
ท่าน บุญทะวี พรทะสิน รองหัวหน้ากลมศาสนาศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาตินครหลวงเวียงจันทน์เป็นหัวณ้าคณะ
ท่าน จันท์ทะลา ขันทะลังสี หัวหน้าแผนกศาสนาพุทธศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาตินครหลวงเวียงจันทน์เป็นรองหัวณ้าคณะ
ท่าน นาง สิลิวัน ปัดถำมะวงด์ คณะที่ปลืกสาเวียกงานศาสนา
ท่าน นาง จันท์มะนี ราลาชิมา ผู้ช่วยคณะที่ปลืกสาศาสนา
ท่าน นาง สานิดา ย่าจีท่อ วิชาการกลมศาสนาศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาตินครหลวงเวียงจันทน์
ท่าน นาง วันนา แก้วอุดม วิชาการกลมโฆษณาศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาตินครหลวงเวียงจันทน์
ท่าน บุญทะลังเพ็ด อามาธิทาดา พนักงานศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาตินครหลวงเวียงจันทน์
ท่าน เย้ ย่า วิชาการกลมโฆษณาศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาตินครหลวงเวียงจันทน์
ท่าน แก้ว มะนีวอน ตารละมะนี รองประธานผู้ชิ้นำเวียกงานศาสนาแขวงสะหวันนะเขต
ท่าน ไข่ฟ้า ชุมพลพักดี หัวหน้าขแหนงศาสนาแนวลาวแขวงสะหวันนะเขต
พระอาจาน คำวัน วอระเดด รองกำมาธิการพระ
พระอาจาน ดาวเรือง คำประเสริฐ
พระพวงประเสริฐ พูมาวงด์ คณะประจำ อ พ ส ศูนกลาง
พระอาจาน เอ็ง ผู้ช่วยพระพวงประเสริฐ พูมาวงด์
คุณหมอ อานันท์ อินทะวงด์ ที่ปรึกษาสถาบันโพธิคยาฯ
นายชัช ชลวรประธานชมรมโพธิคยาฯ ดร.อภัย จุนทนจุลกะ ที่ปรึกษาสถาบันโพธิคยาฯ
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขานุการฯ
เกษม มูลจันทร์ รองเลขานุการฯ
และ คุณสุรพล มณีวงศ์ รองเลขาธิการ ฯดร.อัจฉราวดี แมนชาติ ผู้ช่วยเลขานุการฯและนายชัช ชลวรประธานชมรมโพธิคยาฯ ดร.อภัย จุนทนจุลกะ ที่ปรึกษาสถาบันโพธิคยาฯ
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิดารนายเกษม มูลจันทร์ รองเลขาธิดารฯ
และ คุณสุรพล มณีวงศ์ รองเลขาธิการ ฯนางสาวทิพย์วรรณ วีระภุชงค์ กรรมการมูลนิธิวีระภุษงค์ดร.อัจฉราวดี แมนชาติ ผู้ช่วยเลขานุการฯและ น.ส.อันนา สุขสุกรี ผู้ช่วยเลขานุการฯ
ก่อนพิธีบวงสรวงฯคณะได้เดินไปสะพานมิตรภาพไทย–ลาวแห่งที่ 2 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร
เพื่อสักการะ ศาลพ่อปู่พญานาคอนันตนาคราช และรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ที่จุดชมวิวสะพาน
มิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 2
จากนั้นออกเดินทางสู่แก่งกะเบา ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร
สักการะบูชาองค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช องค์พญานาคสีขาวหมอกประดับด้วยเกล็ดหินอ่อน
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงริมแก่งกะเบา เป็นแลนด์มาร์กแห่งความศรัทธา ที่เชื่อกันว่ามีศักดิ์สิทธิ์ ประชาชน นิยมมาขอพร ลอดท้องพญานาค 3 ซุ้ม หมายถึง สุขภาพแข็งแรงร่ำรวย และความสำเร็จสัมฤทธิ์ผล
ต่อจากนั้นเดินทางไปยังวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์
สักการะ “พระพุทธมิ่งมงคลมุณีศรีมุกดาหาร” รอยพระพุทธบาทจำลอง และองค์พญาศรีมุกดา
มหามุนีนีลปาลนาคราช ที่วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์
และเข้าร่วม พิธีบวงสรวงฯ
ณ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์
ตำบลนาสีนวน อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทยร่วมพิธีบวงสรวงฯ
คณะสงฆ์ ส่วนราชการ คณะผู้ร่วมเดินทาง และแขกผู้เกียรติ
พร้อมกัน ณ มณฑลพิธีลานปู่ศรีมุกดา
พระสงฆ์สมณศักดิ์ 19รูป ขึ้นสู่อาสน์สงฆ์
ศาสนพิธีกรเชิญประธานฝ่ายคฤหัสถ์
นายอภัยจุนทนจุลกะ ที่ปรึกษาสถาบันโพธิคยาฯ ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980
กล่าวถวายรายงาน
นายบุญเรือง เมฆฉิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร
กล่าวต้อนรับ
ศาสนพิธีกรนำอาราธนาศีล
พระสงฆ์ให้ศีล
ศาสนาพิธีกรนำอาราธนาพระปริตร
พระสงฆ์สมณศักดิ์ 19 รูป เจริญพระพุทธมนต์
ศาสนาพิธีกรนำกล่าวถวายสังฆทาน
ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ และแขกผู้เกียรติถวายเครื่องไทยธรรม
พระสงฆ์อนุโมทนา
ประธานฝ่ายคฤหัสถ์และแขกผู้มีเกียรติกรวดน้ำรับพร
พิธีบวงสรวงองค์พญานาคและทวยเทพลุ่มน้ำโขง
ศาสนพิธีกรเชิญเลบาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ขึ้นกล่าว
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980
“ประกาศเกียรติคุณความดีพญานาคผู้บำเพ็ญธรรมและปกป้อง
พระพุทธศาสนา“
พระเมธีวรญาณ ป.ธ.9 ผศ.ดร. ผู้อำนวยการแผน
รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะพุทธศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
“อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต่อพระพุทธศาสนา“
พระธรรมโพธิวงศ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย
๙๘๐ หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย–เนปาล กล่าว
สัมโมทนียกถา
พราหมณ์อ่านโองการบวงสรวงองค์พญานาคและทวยเทพลุ่มน้ำโขง
ลประธานฝ่ายคฤหัสถ์และแขกผู้มีเกียรติปักธูปและโปรยข้าวตอกดอกไม้
เครื่องบวงสรวง
เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ลั่นฆ้องชัย
ชมการแสดง ชุดรำถวายองค์พญานาค ทวยเทพ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
พิธีเจริญจิตภาวนา
ประธานฝ่ายคฤหัสถ์จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
พระธรรมวรนายก ประธานโครงการส่งเสริมพระสงฆ์ไปศึกษาและ
ปฏิบัติธรรมเชิงลึก ณ แดนพุทธภูมิ อินเดีย–เนปาล ที่ปรึกษาเจ้าคณะ
ภาค ๑๑ และเจ้าอาวาสวัดพระนารายมหาราชวรวิหาร อำเภอเมือง
นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
นำเจริญพระพุทธมนต์ บทสมยสูตร และบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
เจริญจิตภาวนา
แผ่อุทิศกุศลแด่องค์พญานาคและทวยเทพลุ่มน้ำโขง
“คำประกาศเกียรติคุณ
พญานาคผู้บำเพ็ญธรรมและพิทักษ์พระพุทธศาสนา
โดย
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐
จากศรัทธาความเชื่อเรื่องพญานาคของประชาชนในลุ่มแม่น้ำโขงที่มีมาตั้งแต่บรรพกาลผ่านมาจนถึงยุคปัจจุบัน ทำให้มีวัฒนธรรมประเพณี การดำเนินวิถีชีวิต มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องพญานาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุผลและความสำคัญดังกล่าวจึงทำให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 มูลนิธิวีระภุชงค์ และคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในการศึกษาวิจัยเรื่อง “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต่อพระพทธศาสนาในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” ผลของการศึกษาวิจัยทำให้ได้ทราบถึงสถานะและบทบาทของพญานาค ดังนี้
พุทธบริษัททั้งหลายผู้นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันประเสริฐและที่พึ่งอันสูงสุด เชื่อในความมีอยู่จริงของพญานาคผู้มีฤทธิ์นั้นอย่างปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย ตามหลักฐานที่มีปรากฏอยู่ในพระพุทธศาสนา และจากคำสอนของพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คุณความดีขององค์พญานาคทั้งหลายที่บำเพ็ญบารมีไว้ดีแล้ว ได้ปรากฏให้เห็นและรับรู้เป็นเรื่องราวมาเป็นเวลายาวนานกว่า ๒๖๐๐ ปี และได้มีบันทึกไว้ในในคัมภีร์พระไตรปิฎกเป็นจำนวนมาก ดังจะได้นำมาสาธกเป็นตัวอย่าง ดังนี้
เหตุการณ์ของพญากาฬนาคราช เกิดขึ้นในสมัยที่พระมหาบุรุษ ทรงได้รับการถวายข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดาเมื่อพระองค์เสวยพระกระยาหารแล้ว ทรงลอยถาดทองคำและทรงตั้งจิตอธิษฐานที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราว่า หากพระองค์จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้ถาดนี้ลอยทวนกระแสน้ำ และได้เป็นตามคำอธิษฐาน ถาดจมลงไปกระทบกับถาดทองคำของพระพุทธเจ้าในอดีตอีก ๓พระองค์ พญากาฬนาคราช ที่บรรทมอยู่ใต้แม่น้ำเนรัญชราได้ยินเสียงนั้น ทรงรู้ทันทีว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติขึ้นแล้วอีก ๑ พระองค์ในภัทรกัปนี้
เหตุการณ์ของพญานาคมุจลินท์นาคราช ภายหลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้แล้ว ได้เสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ ๖ ณ ภายใต้ต้นมุจลินท์ เกิดมีฝนเจือลมตลอดทั้งสัปดาห์พญานาคมุจลินท์นาคราชได้เอาลำตัวขนดรอบพระวรกาย และแผ่พังพานบนพระเศียรของพระพุทธองค์ เพื่อป้องกันมิให้แดดลมและฝนกระทบพระวรกาย และป้องกันอันตรายจากสัตว์ร้ายทั้งปวงตลอด ๗ วัน เมื่อฝนขาดหายแล้ว พญานาคก็คลายขนดจำแลงกายเป็นมานพเข้าไปถวายอัญชลีพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ได้ทรงเปล่งพระอุทานว่า “ความสงัดเป็นสุขสำหรับผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียนคือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความปราศจากความกำหนัด คือความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลกการนำความถือตัวออกไปให้หมดเป็นสุขอย่างยิ่ง”
ปัจจุบันพญานาคได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพที่คอยปกปักรักษาพระพุทธศาสนา ดูแลทุกข์สุข ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และคอยอำนวยผลเพื่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์แห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร และดลบันดาลให้เกิดความสำเร็จในสิ่งที่พึงปรารถนาดังเช่น
องค์พญาศรีสุทโธนาคราช เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย ชอบจำศีลบำเพ็ญเพียรและปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนมีเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้
องค์พญาศรีสัตตนาคราช เป็นหนึ่งในพญานาคผู้มีฤทธิ์ ทรงศักดาอานุภาพ ปรากฏพบในตำนานอุรังคธาตุว่า พระศาสดาก็เสด็จไปสู่ดอยนันทกังรี ซึ่งเป็นที่อยู่ของนันทยักษ์แต่ก่อน มีนาคตัวหนึ่ง ๗ เศียร ชื่อว่าศรีสัตตนาค เข้ามาทูลขอให้พระศาสดาทรงย่ำรอยพระบาทไว้ ณ ที่นั้น ต่อมาสถานที่แห่งนั้นเกิดเป็นเมืองชื่อศรีสัตตนาค
องค์สัตตนาคาพญานาคราช ผู้ปกปักรักษาพระอุรังคธาตุ พระบรมธาตุส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้าที่องค์พระธาตุพนม
องค์พญาภุชงค์นาคราชเจ้า มีฤทธิ์ วิชาเวทย์ บำเพ็ญตบะเป็นฤๅษี เป็นพญานาคเพียงองค์เดียวที่อาศัยอยู่ชั้นพรหมได้ มีความรักความเมตตา ความรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปกครองอยู่น่านน้ำอ่าวไทย ทะเลอันดามัน และอยู่ตามถ้ำต่าง ๆ ทั่วประเทศ
กล่าวโดยสรุป พญานาคมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ที่ดำรงอยู่คู่กับสังคมชาวพุทธมาอย่างยาวนาน ทั้งในแง่การนำพามาซึ่งการเจริญทางพุทธิปัญญา และด้านการสร้างศรัทธาให้เกิดพลัง เรื่องราวของพญานาคมีปรากฏให้เห็นเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มนุษย์ได้นำมาพัฒนาต่อยอดเป็นงานศิลปวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านวรรณกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม รวมถึงเรื่องเล่าในลักษณะตำนานพื้นบ้านและประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่มีการสืบทอดต่อกันมาจนกลายเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ศรัทธาบารมีแห่งองค์พญานาคที่ได้บำเพ็ญสั่งสมมาเป็นเวลายาวนาน และคุณูปการอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้จะยังคงปรากฏอยู่ในความทรงจำของพุทธบริษัททั้งหลายอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย เราท่านทั้งหลายจึงขอประกาศเกียรติคุณเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูบูชาสักการะพญานาคทั้งหลายให้ดำรงคงอยู่เพื่อธำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไปตราบนานเท่านาน ชั่วกัลปาวสานตลอดกาลเป็นนิตย์เทอญ
ประกาศ ณ วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2565