รอยสักมัดตัว!! “ปวีณา” ประสาน ผกก.สภ.คลองด่าน จับแล้ว “พ่อเลี้ยงหื่น” ขยี้กามลูกเลี้ยง 8 ขวบ
ถ่ายคลิปมือถือเก็บไว้ดูสนองความใคร่ แม่มาเจอในมือถือตกใจแทบช็อก แม้เห็นแค่มือแต่จำรอยสักได้แม่น รีบพาลูกสาวหนี ร้อง “ปวีณา” ช่วยเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แม่ยังบอกอีกว่า ในมือถือพ่อเลี้ยงมีรูปโป๊เปลือยของเด็กหญิงอีกหลายคนที่โป๊เปลือยและถูกกระทำเกรงจะมีเหยื่ออีกหลายคน “ปวีณา” ประสาน ตร.ขยายผล และเตรียมพาเด็กหญิงฟื้นฟูสภาพจิตใจ ขอรับเงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม หากมีผู้เสียหายคนอื่นๆที่ติดว่าตกเป็นเหยื่อผู้ต้องหารายนี้ ถูกกระทำทางเพศ และถูกถ่ายคลิปโป๊เปลือยสามารถแจ้งได้ที่มูลนิธิปวีณาฯ โทร 1134 หรือ ติดต่อสภ.คลองด่านได้ทันที
ที่มูลนิธิปวีณาฯ : วันที่ 18 ส.ค.67 เวลา 15.00 น. “ปวีณา” ประสาน พ.ต.อ.ธนูเพ็ชร ฉมาฤกษ์ ผกก.สภ.คลองด่าน จับแล้ว!! “พ่อเลี้ยงหื่น” ขยี้กามถ่ายคลิปลูกเลี้ยง 8 ขวบ แม่ผงะเจอหลักฐานในมือถือสามี เห็นรอยสักที่มือผู้ก่อเหตุจำได้แม่น รีบพาลูกหนีร้อง“ปวีณา” ช่วยเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตร.เตรียมคุมตัวฝากขังศาล 19 ส.ค.นี้
สืบเนื่องจากวันที่ 6 ส.ค.67 นางหมิว (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ผู้เป็นแม่ เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ลูกสาว 8 ขวบถูกพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดทางเพศและถ่ายคลิป ก่อนหน้านี้แม่ได้พาน้องเนย (นามสมมุติ) ลูกสาวที่เกิดจากสามีเก่ามาอยู่กินกับนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี สามีใหม่ ซึ่งทำงานเป็นพนักงานบริษัทได้ 3 ปีกว่าแล้ว ช่วงเดือน เม.ย.67 ที่ผ่านมา ขณะที่นายเอ็มนอนหลับอยู่แม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือของนายเอ็มมาดูก็ตกใจแทบช็อก
เนื่องจากเห็นคลิปและรูปโป๊เปลือยของลูกสาวอยู่ในโทรศัพท์ และในรูปยังมีมือของนายเอ็มกำลังจับหน้าอก จับอวัยวะเพศของลูก และกำลังสอดใส่อวัยวะเพศของตัวเองแม้ในคลิปจะไม่เห็นหน้าผู้กระทำแต่แม่จำรอยสักที่มือของนายเอ็ม สามีตัวเอง ได้แม่นนอกจากในคลิปจะมีรูปและคลิปของลูกสาวแล้ว ยังมีรูปโป๊เปลือยของเด็กหญิงอีกหลายคนเกรงว่าเด็กหญิงเหล่านั้นจะตกเป็นเหยื่อด้วย เมื่อแม่ถามกับสามีว่าทำอะไรลูกสาวแต่เขาก็ไม่ยอมรับ
ทั้งที่เมื่อ 2 ปีก่อนนายเอ็มก็เคยทำแบบนี้และอ้างว่าไม่ได้คิดอะไร ทำเพราะรักเด็ก ซึ่งแม่ก็ให้อภัย และเขาบอกว่าจะไม่ทำอีก แต่ก็มาเกิดเรื่องอีกจนได้ แม่เกรงว่าลูกจะไม่ปลอดภัยจึงพาลูกหนีไปอยู่กับน้าสาว และไปแจ้งความที่สภ.คลองด่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตรวจร่างกายแล้ว แม่ต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีให้ด้วย
หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.ธนูเพ็ชร ฉมาฤกษ์ ผกก.สภ.คลองด่าน ก่อนจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาสองแม่ลูกไปพบ และพาเด็กหญิงไปสอบสหวิชาชีพวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเด็กหญิงให้การชัดเจนและมีคลิปกับรูปถ่ายขณะเกิดเหตุในโทรศัพท์มือถือไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาวันที่ 13 ส.ค.67 นางปวีณา ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ธนูเพ็ชร ฉมาฤกษ์ผกก.สภ.คลองด่าน พนักงานสอบสวนได้ไปขออำนาจศาลออกหมายจับนายเอ็มแล้วในข้อหา กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี, กระทำอนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี, และบันทึกภาพหรือเสียงการกระทำชำเราหรือการกระทำอนาจารไว้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองฯ โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.คลองด่าน ได้ติดตามตัวนายเอ็มไปหลายแห่งแต่นายเอ็มไหวตัวทันหลบหนีไปก่อน
ล่าสุดวันนี้ 18 ส.ค. นางปวีณา ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ธนูเพ็ชร ฉมาฤกษ์ผกก.สภ.คลองด่าน ว่าได้ทำการจับกุม นายเอ็ม พ่อเลี้ยงได้แล้วขณะหลบหนีในพื้นที่จ.สมุทรปราการ และควบคุมตัวมาทำการสอบสวนแจ้งข้อหาตามหมายจับที่สภ.คลองด่าน โดยจะควบคุมตัวไปฝากขังศาลในวันที่ 19 ส.ค.นี้
นางปวีณา กล่าวว่า ขอบคุณ พ.ต.อ.ธนูเพ็ชร ฉมาฤกษ์ ผกก.สภ.คลองด่าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.คลองด่าน ที่ทำงานดูแลช่วยเหลือประชาชนจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว สำหรับเคสนี้นางปวีณา จะได้ประสานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมเพื่อให้ได้รับเงินเยียวยาผู้เสียหายทางคดี และดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจของเด็กหญิงต่อไป
สถิติมูลนิธิปวีณาฯ รับเรื่องราวร้องทุกข์ ปี 2566 ทั้งสิ้น 6,136 ราย เป็นปัญหา ข่มขืน/อนาจาร สูงถึง 1,055 ราย ผู้ถูกกระทำเป็นเด็กอายุ 0-10 ปี จำนวน 153 ราย, อายุ 10-15 ปี จำนวน 482 ราย ส่วนผู้ก่อเหตุเป็น “ญาติ” 174 ราย “พ่อเลี้ยง” 116 ราย และ “คนข้างบ้าน” 112 ราย
ขณะที่ปี 2567 (ตั้งแต่ 2 ม.ค.-12 ส.ค.67) มูลนิธิปวีณาฯ รับเรื่องราวร้องทุกข์ จำนวน3,561 ราย เป็นปัญหา ข่มขืน/อนาจาร ถึง 506 ราย ซึ่งเหยื่อที่ถูกกระทำอายุน้อยลงไปเรื่อยๆ อย่างเมื่อไม่กี่วันนี้ก็มีตาเลี้ยงอนาจารหลานสาว 5 ขวบ และถ่ายคลิปเก็บไว้ในพื้นที่สภ.พระนครศรีอยุธยา แม่ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา จับกุมตัวได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน จึงขอฝากพ่อแม่ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด คอยสังเกตความผิดปกติและพูดคุยกับลูกเป็นประจำ เพราะเด็กอาจจะตกเป็นเหยื่อและถูกข่มขู่จนเกิดความกลัวจนไม่กล้าบอกใคร.