พี่สาวกอดร่างไร้วิญญาณน้องสาวถูกสามีโหดทำร้ายทารุณตัดนิ้ว ผลักตกตึกสูง 23 ชั้นเสียชีวิตที่มาเลเซีย
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ : พี่สาวกอดร่างไร้วิญญาณน้องสาวถูกสามีโหดทำร้ายทารุณตัดนิ้ว ผลักตกตึกสูง 23 ชั้นเสียชีวิตที่มาเลเซีย หลัง “ปวีณา” ประสานช่วยเหลือส่งศพกลับมาไทย โดยคนไทยในมาเลย์ระดมทุนบริจาคกว่า 6 หมื่นบาท เป็นค่าดำเนินการและช่วยเหลือจัดงานศพ
วันที่ 10 มี.ค.67 เวลา 10.30 น. สุดเศร้า! “ปวีณา” พาพี่สาวและญาติรับศพน้องสาววัย32 ปี ถูกสามีชาวมาเลเซียทำร้ายผลักตกจากอาคารสูง 23 ชั้นเสียชีวิตที่มาเลเซีย หลังประสานกองคุ้มครองคนไทยในต่างแดน กระทรวงต่างประเทศ ดำเนินการส่งศพกลับมาบ้านเกิดเพื่อบำเพ็ญกุศล โดยมีกลุ่มคนไทยในมาเลเซียระดมเงินบริจาคเป็นค่าใช้จ่ายในการนำศพกลับไทยและช่วยจัดงานศพกว่า 6 หมื่นบาท พร้อมกันนี้ นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.จักรพงศ์ นุชผดุง ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มอบหมายให้พ.ต.ท.พนา พิสูตร รอง ผกก.ป. สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำนวยความสะดวกในการรับศพออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มี.ค.67 นางแก้ว (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี ผู้เป็นแม่ และพี่สาวชาวจ.ปทุมธานี ร่ำไห้ขอความช่วยเหลือจาก นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า น.ส.แอน (นามสมมุติ) ลูกสาวอายุ 32 ปี ไปอยู่กินกับสามีชาวมาเลเซีย อายุ 37 ปี ที่ประเทศมาเลเซียได้ 2 เดือน ถูกสามีทำร้ายผลักตกจากคอนโดฯ ที่พักซึ่งเป็นอาคารสูง 23 ชั้นตกลงมาค้างที่ชั้น 7 เสียชีวิต เมื่อวันที่ 29 ก.พ.67 โดยมีคลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุที่ลูกสาวร้องโหยหวนร่วงตกลงจากอาคารเป็นหลักฐาน
หลังเกิดเหตุตำรวจมาเลเซียได้จับกุมสามีชาวมาเลเซียที่ก่อเหตุดำเนินคดี พบว่าก่อนที่หญิงสาวจะถูกผลักตกจากอาคารดังกล่าวได้ถูกทำร้ายทุบตีอย่างทรมานและมีการตัดนิ้วมือจนขาดซึ่งตำรวจตรวจค้นห้องพักพบชิ้นส่วนนิ้วมือในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังพบว่าสามีชาวมาเลเซียมีประวัติอาชญากรรมโชกโชนคาดว่าน.ส.แอน คงจะไม่ใช่เหยื่อรายแรกที่ถูกทำร้ายผลักตกจากอาคารสูง ซึ่งแม่และพี่สาวมาทราบเรื่องจากเพื่อนลูกสาวที่โทรศัพท์มาบอก หลังลูกสาวเสียชีวิตแม่อยากนำศพลูกกลับมาไทยเพื่อบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จึงขอให้นางปวีณาช่วยประสานในการนำศพลูกสาวกลับไทยด้วย
หลังรับเรื่องวันที่ 1 มี.ค.67 นางปวีณา ได้ประสาน นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผอ.กองคุ้มครองเเละดูเเลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ก่อนจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาเเม่และพี่สาวเข้ายื่นคำร้องที่กองคุ้มครองฯ เพื่อประสานนำศพผู้เสียชีวิตจากประเทศมาเลเซียกลับมาบำเพ็ญกุศลที่ประเทศไทย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ ได้พาแม่และพี่สาวไปที่อำเภอหนองเสือ จ.ปทุมธานี เพื่อทำหนังสือมอบอำนาจให้กับกองคุ้มครองเเละดูเเลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ดำเนินการส่งให้สถานทูตไทยในมาเลเซีย และบริษัทขนส่งเพื่อส่งศพกลับประเทศไทย
ต่อมาวันที่ 8 มี.ค.67 แม่และพี่สาวได้แจ้งมายังนางปวีณาว่า ทางสถานทูตไทยในมาเลเซียและบริษัทขนส่งได้ติดต่อมาว่าจะส่งศพ น.ส.แอน กลับมาประเทศไทย โดยสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ MH784 เวลา 10:15 น. ของวันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค.67 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ล่าสุดวันนี้ 10 มี.ค.67 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ จึงได้พาพี่สาวและญาติเดินทางไปเพื่อรับศพ น.ส.แอน โดยประสาน พ.ต.อ.จักรพงศ์ นุชผดุง ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มอบหมายให้ พ.ต.ท.พนา พิสูตร รอง ผกก.ป. สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำนวยความสะดวกในการรับศพออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้หลังจากที่พี่สาวและญาติได้เห็นร่างไร้วิญญาณของน.ส.แอน ต่างก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ปล่อยโฮด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ก่อนที่จะนำศพขึ้นรถไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 5 ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี โดยจะรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. วันที่10 มี.ค.67 และสวดพระอภิธรรมในเวลา 19.30 น. วันที่ 10-13 มี.ค.67 และวันที่ 14 มี.ค.67 เวลา 16.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ จะเป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ ที่วัดนพรัตนาราม ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
นางปวีณา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน.ส.แอน ผู้เสียชีวิต หลังรับเรื่องจากแม่และครอบครัวได้ประสาน กองคุ้มครองคนไทยในต่างแดน กระทรวงต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือประสานกับสถานทูตไทยในมาเลเซียในการส่งศพกลับไทย ซึ่งต้องขอขอบคุณคนไทยในมาเลเซียที่ช่วยกันบริจาคเงิน 63,000 บาท โดยเป็นค่าดำเนินการส่งศพกลับ 41,140 บาท ส่วนที่เหลืออีก 2 หมื่นกว่าบาทช่วยเหลือในการจัดงานศพ โดยทั้งหมดได้โอนเงินเข้าบัญชีของพี่สาวน.ส.แอนแล้ว ทั้งนี้มูลนิธิปวีณาฯ จะช่วยเหลือเงิน 1 หมื่นบาท ให้กับครอบครัวน.ส.แอน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพครั้งนี้ด้วย.