“ปวีณา” ช่วยเหลือเหยื่ออีก 3 ราย ได้กลับบ้านปลอดภัยแล้ว!!
หลังแม่ร้องทุกข์ลูกสาวกับเพื่อนถูกหลอกไปทำงานที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาทำงานร้ายคาราโอเกะบังคับเสพยา บริการลูกค้าเมื่อไม่ทำถูกขายต่อให้นายจ้างคนจีนบังคับให้หลอกคนต่างชาติลงทุน หากไม่ทำตามก็จะให้กินข้าวแค่วันละมื้อ ถูกกักบริเวณมีชายฉกรรจ์ถือปืนคอยคุม และถูกเรียกค่าไถ่ โดย “ปวีณา” ประสาน พันเอกณรงค์ชัย เจริญชัย รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร สั่งการหน่วยเฉพาะกิจราชมนูร้อย.ร.1412 จัดกำลังร่วมกับ ชปข.ฉก.ราชมนู, ตำรวจท่องเที่ยวแม่สอด ตำรวจสภ.แม่สอด และฝ่ายปกครอง อ.แม่สอด ประสานทหารเมียนมาจนเหยื่อทั้ง 3 ราย ได้ถูกส่งกลับมายังฝั่งไทยด้านอ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา เหยื่อทั้ง 3 รายเข้าขอบคุณ ปวีณา ขอเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยคนไทยอย่าหลงเชื่อเดินทางไปเพราะจะถูกบังคับทำงานบริการ และบังคับเสพยาจนทำงานไม่ไหว ต้องทำงานผิดกฎหมายและไม่ได้เงินต้องกลับมาใช้หนี้
วันจันทร์ที่ 16 ม.ค.66 เวลา 13.00 น. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีจ.ปทุมธานี แม่และญาติพา น.ส.เอ อายุ 24 ปี นายบี อายุ 18 ปี และน.ส.ซี อายุ 22 ปี(ทั้งหมดนามสมมุติ) เข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอบคุณที่ได้ประสานช่วยเหลือเหยื่อทั้ง 3 คน ซึ่งถูกหลอกไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะ KTV บังคับให้เสพยา รับลูกค้า เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เมื่อทำงานไม่ไหวถูกขายต่อไปทำงานบังคับให้หลอกคนต่างชาติลงทุน พวกตนไม่สมัครใจทำงานก็ให้อดข้าวกินแค่วันละมื้อ ถูกกักบริเวณมีชายฉกรรจ์ถือปืนคอยคุม และถูกเรียกค่าไถ่ นางปวีณา ช่วยเหลือ จนทั้ง 3 คน ได้กลับไทยอย่างปลอดภัย และขอเป็นอุทาหรณ์เตือนคนไทยอย่าหลงเชื่อไม่มีงานสบายรายได้ดีที่ประเทศเมียนมา ถ้าเดินทางไปจะถูกบังคับให้ทำงานผิดกฎหมายและต้องถูกดำเนินคดี
สืบเนื่องจากวันที่ 4 ม.ค.66 แม่หญิงสาวชาว กทม. ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ขอให้ช่วย น.ส. เอ (นามสมมุติ) ลูกสาว อายุ 24 ปี ถูกรุ่นพี่ที่รู้จักชักชวนไปทำงานประชาสัมพันธ์ที่แม่สอด ตั้งแต่เดือน ต.ค.65 อ้างว่ารายได้ดี พอไปถึงทำงานที่ร้านคาราโอเกะ KTV ตนทำไม่ไหว ต้องเสพยา จึงถูกขายต่อให้ข้ามไป เมืองเมียวดีประเทศเมียนมาร์ ถูกบังคับให้สร้างโปรไฟล์ปลอมในโซเชียลหลอกคนต่างชาติลงทุนเทรดหุ้น ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทางการเงินผ่านระบบออนไลน์ พอไม่ยอมทำงานก็ไม่ให้กินข้าว ข่มขู่ ได้กินข้าวแค่วันละ 1 มื้อ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนอีก 2 คน คือ นายบี(นามสมมุติ) อายุ 18 ปี และน.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกันโดยนายจ้างคนจีนบอกว่าหากอยากกลับบ้านต้องหาเงินมาไถ่ตัว น.ส.เอ กับ นายบีคนละ 18,000 บาท และน.ส.ซี 49,000 บาท แต่ทั้ง 3 คน ไม่มีเงินและเกรงว่าจะถูกทำร้ายหรือถูกขาย จึงได้ติดต่อแม่มาให้ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้วิดีโอคอลคุยกับเหยื่อทั้ง 3 ราย ทุกคนเล่าว่า ต้องทนอยู่อย่างทุกข์ทรมาน นายจ้างคนจีนกักบริเวณออกไปไหนไม่ได้ มีคนคอบคุมอยู่ ให้กินข้าวแค่วันละมื้อ และนางจ้างคนจีนได้เร่งรัดให้หาเงินมาไถ่ตัวมิฉะนั้นจะขายต่อไปที่อื่น จึงได้ปรึกษากันและขอให้แม่ร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยเหลือให้ได้กลับบ้านโดยเร็ว จากนั้นนางปวีณา ได้ประสาน พันเอก ณรงค์ชัย เจริญชัย รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ช่วยเหลือเหยื่อทั้ง 3 ราย จนได้เดินทางกลับไทยในวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา
นางปวีณา กล่าวว่า ทั้งนี้ทางมูลนิธิปวีณาฯ ก็จะทำการขยายผล ประสานตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิด และขอเตือนภัยให้ทุกคนอย่าหลงเชื่อสื่อโชเชียลโฆษณาให้ไปทำงานได้รับเงินเดือนสูง ต้องถูกหลอกอยู่อย่างลำบาก ไม่มีงานสบายที่ได้เงินอย่างที่คิด และยังต้องไปทำงานที่ผิดกฎหมายถูกดำเนินคดีจำคุกในที่สุด
1.น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี
2.นายบี (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี
3.น.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี
1. แม่ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี เดินทางมาขอความช่วยเหลือเข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าลูกสาวถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศเมียนมา เมื่อไม่ยอมทำงานก็ไม่ให้กินข้าว แล้วขายต่อทุกข์ทรมาน
น.ส.เอ ทำงานโรงงานแห่งหนึ่ง เล่าว่า เพื่อชักได้ชักชวนไปทำงานที่แม่สอดแล้วพาข้ามไปประเทศเมียนมา โดยตนไม่รู้ว่าเป็นประเทศเมียนมา จากนั้นมีชายฉกรรจ์ถือปืนคุมตัวเข้าร้านคาราโอเกะ KTV ให้ตนทำงานรับลูกค้า บังคับให้เสพยา ตนทำไม่ไหว จึงถูกขายต่อไปทำงานอีกที่หนึ่ง ให้หลอกชาวต่างชาติซึ่งตนไม่ยอมทำจึงถูกกักตัว และให้กินข้าววันละมื้อ ให้หาเงินมาไถ่ตัว มิฉะนั้นจะส่งไปขายต่อ
2. นายบี (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี มีอาชีพ ขับวินมอเตอร์ไซค์ ได้ตามแฟน น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ไปโดยผ่านเพื่อน น.ส.เอ จึงถูกหลอกไปด้วยกัน
3. น.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ทำงานโรงงานแห่งหนึ่ง ได้ตั้งครรภ์จึงลาออกจากงานมีเพื่อนในเฟสบุ๊กชักชวนไปทำงานที่แม่สอด จ.ตาก โดยหลอกเข้าไปในเมืองเมียวดี บังคับให้หลอกชาวต่างชาติซึ่งตนทำไม่ได้ตามเป้า จึงถูกบังคับให้หาเงินมาไถ่ตัว