นายเอ อาชีพขับรถแท็กซี่ เข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อชี้แแจงกรณีที่ตนเองตกเป็นข่าวกินน้ำยาล้างห้องน้ำหวังฆ่าตัวตาย
เวลา 10.00 น. วันที่ 13 ม.ค. 66 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี นายเอ (นามสมมุติ) อาชีพขับรถแท็กซี่ อายุ 42 ปี เข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อชี้แแจงกรณีที่ตนเองตกเป็นข่าวกินน้ำยาล้างห้องน้ำหวังฆ่าตัวตายบนรถแท็กซี่ต่อหน้าลูกสาว 2 คน อายุ 5 ขวบ และ 9 ขวบ ที่นั่งร้องไห้อยู่ในรถ เผยเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 66 นายเอ (นามสมมุติ) เคยเดินทางมาขอมูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือ ภรรยาหนีออกจากบ้านและเคยทำร้ายร่างกายลูกเลี้ยง นางปวีณา ได้ให้ความช่วยเหลือและห่วงเด็กไม่ได้รับการดูแลที่ดี เนื่องจากนายเอ (นามสมมุติ) มักจะพาลูกทั้ง 2 คน ออกไปขับแท็กซี่ทำงานด้วย มูลนิธิปวีณาฯ ร่วมกับ บ้านพักเด็ก พม. ตำรวจ สน.เทียนทะเล ดำเนินการช่วยเหลือ และทำข้อบันทึกตกลงให้เด็กทั้ง 2 คน อายุ 5 ขวบ และอายุ 9 ขวบ ไปเรียนตามปกติ ไม่พาไปนั่งรถแท็กซี่ยามค่ำคืน เพื่อให้เด็กได้อยู่กับย่าและเรียนหนังสือ แต่ปัจจุบันพบว่าหนุ่มแท็กซี่ยังพาลูกสาว 2 คนนั่งรถไปด้วยตลอด ซึ่งผิดข้อตกลงกับเจ้าหน้าที่ พม. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสานกับแม่เด็กที่อยู่ ต่างจังหวัดให้เดินทางมาเจรจา โดยในวันนี้ นายเอ(นามสมมุติ) หนุ่มแท็กซี่ แจ้งว่าทางภรรยากลับมาก็จะไม่เอาเรื่อง
วันที่ 13 ม.ค.66 เวลา 15.30 น. ที่ สน.เทียนทะเล “ปวีณา” พร้อม ผกก. สน.เทียนทะเลพร้อมกับ หัวหน้าบ้านพักเด็กฯ กรุงเทพ หาแนวทางช่วยเหลือ หนุ่มแท็กซี่ กับลูกสาว 2 คน อายุ 5 ขวบ และ 9 ขวบ หลังตกเป็นข่าวดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำในรถแท็กซี่ต่อหน้าลูกน้อย ไปประชุมหาทางช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 คน และครอบครัว
รายละเอียด
นายเอ กล่าวว่า วันเกิดเหตุ 11 ม.ค. ตนออกไปขับรถแท็กซี่ตามปกติ โดยมีลูกสาวทั้ง 2 คน นั่งรถไปด้วย ระหว่างที่จอดพักรถตนกินน้ำโกโก้ที่ลูกสาวซื้อมาก่อนจะสำลักและเผลอหลับไป มารู้ตัวอีกทีตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนั้นก็อาการปกติจึงเดินทางกลับบ้าน ส่วนขวดน้ำยาล้างห้องน้ำมีอยู่ในรถจริง แต่น้ำในขวดไม่ใช่น้ำยาล้างห้องน้ำ แต่เป็นน้ำยาเช็ดกระจกรถ จนเช้าวันที่ 12 ม.ค. ตนได้เห็นข่าวโชเฟอร์แท็กซี่กินน้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตาย ตนเองก็งงว่าไปฆ่าตัวตายตอนไหน และยังถูกสังคมตำหนิด้วยว่าพาลูกสาวทั้ง 2 คนไปฆ่าตัวตาย
นายเอ กล่าวว่า เคยเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่4 ม.ค.ที่ผ่านมา แจ้งว่า ต้องการดำเนินคดีกับนางเอ๋ (นามสมมุติ) ภรรยาที่อยู่กินกันมา8 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน อายุ 5 ขวบ กับ 3 ขวบ และตนมีลูกติดจากภรรยาคนเก่าอีก1 คน เป็นลูกสาวคนโตอายุ 9 ขวบ เหตุเพราะนางเอ๋ ได้หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่เดือนพ.ย.65 หลังมีปากเสียกับตน และยังตามหาตัวไม่พบ หลังนางเอ๋ออกจากบ้านไปลูกสาว 9 ขวบได้บอกกับตนว่าถูกแม่เลี้ยงทุบตีเป็นประจำ บางครั้งก็ใช้หมอนปิดหน้าอุดปากจนแทบหายใจไม่ออก และใช้เท้าเหยียบหน้า
นายเอ กล่าวอีกว่า หลังภรรยาหนีไปตนต้องพาลูกสาว 2 คน 9 ขวบ กับ 5 ขวบ นั่งรถแท็กซี่ไปด้วยตลอดเวลา เพราะเด็กบอกว่าไม่อยากอยู่กับย่าที่บ้าน ซึ่งย่าเป็นคนขี้บ่นซึ่งลูกค้าที่ใช้บริการรถแท็กซี่บางคนก็มองแปลกๆ บางคนก็เข้าใจ ตนต้องการดำเนินคดีกับนางเอ๋ที่ทำร้ายลูกสาวของตน ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยด้วย
หลังรับเรื่อง วันที่ 4 ม.ค.65 นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ผกก.สน.เทียนทะเล ก่อนจะมอบหมายเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พานายเอ ไปสอบปากคำ ขณะเดียวกันนางปวีณา เป็นห่วงสวัสดิภาพหนูน้อยทั้งสองคนที่ต้องนั่งรถแท็กซี่ไปกับพ่อตลอดเวลาและเด็กๆ จะต้องได้เรียนหนังสือ นางปวีณาจึงได้ประสาน นางสาวกุลจิรา โฉมไสว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร เดินทางไปพบกับนายเอที่ สน.เทียนทะเล จะลงพื้นที่เยี่ยมบ้านพร้อมอธิบายเรื่องการเลี้ยงดูลูกให้เหมาะสม จากนั้นทางบ้านพักเด็กฯ กรุงเทพ ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับนายเอ ที่ สน.เทียนทะเลว่าจะไม่พาลูกๆ ออกไปวิ่งรถแท็กซี่อีก โดยให้เด็กๆ อยู่ในความดูแลของย่าและต้องได้เรียนหนังสือ ซึ่งนายเอก็ได้เซ็นยินยอมตามข้อตกลงดังกล่าว
หลังปรากฏเป็นข่าว โชเฟอร์แท็กซี่กินน้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตายต่อหน้าลูกสาว 2 คนนางปวีณา มีความห่วงใจ นายเอ และลูกๆ วันนี้ วันศุกร์ที่ 13 ม.ค. 66 เวลา 15.00 น . นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสานพ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สน.เทียนทะเล และนางสาวกุลจิรา โฉมไสว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าประชุมที่ สน.เทียนทะเล หาแนวทางช่วยเหลือเด็กทั้ง 3 คน โดยด่วน พร้อมตามแม่เด็กได้แล้วจะได้เจรจาตกลงในการดูแลเด็กต่อไป.