แม่ซ็อก ร้อง “ ปวีณา ” ประสาน พล.ต.ต.ธงชัย ธารณธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธร จว.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมป้าแท้ๆ (พี่สาวพ่อ) บังคับหลานสาว 14 ปี ขายบริการทางเพศ 4 เดือน
ตั้งแต่ ม.ค. – เม.ย. 65 แลกยาบ้า ล่าสุดตำรวจได้จับกุมป้าดำเนินคดีแล้ว ตำรวจเร่งจับกุมชายซื้อบริการ 6 คน เป็นผู้สูงอายุมีสูงสุด 70 กว่า ปี รวมอยู่ด้วย โดย พล.ต.ต.ธงชัย ธารณธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธร จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ หู้ใย รอง ผบก. จว. ประจวบคีรีขันธ์ และ พ.ต.อ.สมมาต สังข์ทอง ผกก. สอบสวน กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจว.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับ ผกก. สภ.ธงชัย พ.ต.อ.มนัสพันธ์ กิ่งนอกวงศ์ ผกก. สภ.ทับสะแก พ.ต.อ.นพดล ธุวังควัฒน์ และ ผกก. สภ.บางสะพาน ร่วมกันจับกุมผู้ซื้อบริการ ด.ญ. วัย 14 ปี ล่าสุดวันนี้ ตำรวจ สภ.ทับสะแก สามารถจับกุมผู้ซื้อบริการทางเพศได้ 1 ราย โดยรายนี้ได้ซื้อบริการทางเพศเด็กด้วยการแลกยาบ้าและเงินสด 2,000 บาท
วันนี้ 4 พ.ค. 65 เวลา 16.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาแม่และเด็กเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจที่ สภ.ทับสะแก และเร่งรัดจับกุมผู้ซื้อบริการทางเพศที่เหลือทั้งหมดร่วมกับ ผกก.ทุกสถานีตำรวจ และตำรวจภูธรจว.ประจวบคีรีขันธ์
ในวันพฤหัสบดีที่ 5 พ.ค. 65 เวลา 10.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จะพาแม่และ ด.ญ.14 ปี เข้าพบ ผกก. สภ.ธงชัย เพื่อติดตามคดี
สืบเนื่องจากวันที่ 25 เม.ย.65 นางน้อย (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีลูกสาววัย 14 ปี ถูกป้าแท้ๆบังคับค้าประเวณี โดยแจ้งว่า ด.ญ.เนย (นามสมมุติ) ลูกสาวอายุ 14 ปี ถูกนางแหม่ม (นามสมมุติ) พี่สาวของพ่อ บังคับพาไปค้าประเวณีกับผู้ชาย 6 คน ในแวดวงการพนันและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จำนวน 15 ครั้ง ช่วงเดือน ม.ค.- 4 เม.ย.65 เป็นเวลา 4 เดือน และป้ายังข่มขู่ไม่ให้บอกใคร เกรงว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงขอให้มูลนิธิปวีณาเข้าช่วยเหลือด่วนและติดตามคดี
นางน้อย กล่าวว่า น้องเนยเป็นลูกติดจากสามีเก่า หลังเลิกรากันไปตนก็มีครอบครัวใหม่และให้การเลี้ยงดูน้องเนยมาตลอด ระยะหลังน้อยเนยติดโทรศัพท์มากตนจึงตักเตือนลูก แต่ลูกกลับน้อยใจบอกให้พ่อมารับและขออนุญาตไปอยู่บ้านพ่อที่อ.บางสะพาน สักพัก ตนก็ไม่อยากขัดใจลูกจึงอนุญาตให้ไป แต่ไม่คิดเลยว่าป้าจะพาหลานไปขายบริการได้
ก่อนที่ลูกสาวจะทนไม่ไหวอาศัยช่วงป้าไม่อยู่บ้านขอความช่วยเหลือให้เพื่อนรุ่นพี่ที่โรงเรียนมารับพาหนีจากบ้านป้า และติดต่อแม่ให้ไปรับลูกเพื่อพาเข้าแจ้งความวันที่ 9 เม.ย. ที่สภ.ธงชัยตำรวจได้ส่งเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและได้สอบสหวิชาชีพแล้ว แต่ยังไม่ได้จับกุมผู้กระทำความผิด ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีให้ด้วย
น้องเนย เล่าให้แม่ฟังว่า หลังจากที่พ่อมารับจากบ้านแม่เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.64 อยู่บ้านพ่อได้ 2-3 วัน ป้าก็มาชวนให้ไปอยู่บ้านป้าเพื่อช่วยทำงาน ช่วงอยู่ที่บ้านป้าก็ไม่เห็นป้าทำงานอะไร จะเล่นแต่พนันออนไลน์ในโทรศัพท์มือถือทั้งวัน ส่วนสามีป้าก็จะชอบไปบ่อนไก่
หลังอยู่บ้านป้าได้ 2 วัน ป้าก็หลอกพานั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ไปบ้านนายเอ บอกว่าจะไปเอาใบกระท่อมก่อนจะทิ้งน้องเนยไว้ที่บ้านนายเอเพื่อให้นายเอข่มขืน เมื่อนายเอข่มขืนเสร็จก็โทรให้เรียกป้าขี่รถจักรยานยนต์มารับน้องเนย แล้วรับเงินจากนายเอประมาณ 2 พันบาท ก่อนที่ป้าจะพาน้องเนยกลับบ้านแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตลอดเวลาป้าจะข่มขู่ว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครไม่งั้นจะไล่ไปอยู่ที่อื่น และป้ารู้ว่าน้องเนยเป็นเด็กที่รักพ่อมาก ป้าก็จะใช้คำพูดโน้มน้าวบอกว่าที่ทำไปก็จะได้เอาเงินไปช่วยพ่อใช้หนี้ น้องเนยจึงอดทนอยู่กับป้าและไม่บอกใคร
หลังจากนั้นป้าจะยังหาลูกค้ามาให้น้องเนยไปนอนด้วยอีกหลายคน รวมทั้งหมด 6 คน 1.นายเออายุ 50 ปี (4 ครั้ง) 2.นายบี อายุ 45 ปี (2 ครั้ง) 3.นายซี อายุ 50 ปี (1 ครั้ง) 4.นายดี อายุ 60 ปี(1 ครั้ง) 5.นายอี อายุ 50 ปี (6 ครั้ง) 6.นายอา (1 ครั้ง) อายุ 70 ปี ซึ่งทุกครั้งป้าจะพาเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งน้องเนยและรับกลับ โดยป้าจะได้ค่าตอบแทนครั้งละประมาณ 2 พันบาท และมีการตกลงจ่ายเป็นยาบ้า หรือใบกระท่อม ซึ่งน้อยเนยไม่เคยได้เงินจากป้าเลย นานๆ ครั้งป้าจะให้เงินไปซื้อขนมครั้งละ 20 บาทเท่านั้น
นางน้อย กล่าวอีกว่า หลังจากที่ได้ร้องเรียนมูลนิธิปวีณาฯ มาเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการออกหมายจับและจับกุมป้าแล้ว แต่ยังเหลือกลุ่มชายที่ซื้อบริการที่ยังลอยนวล ตนต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดมิฉะนั้นคนเหล่านี้จะได้ใจไปกระทำกับเด็กคนอื่นๆอีก และเกรงว่าหากปล่อยไว้ตนกับลูกจะไม่ปลอดภัย ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความเป็นธรรมด้วย
นางปวีณา กล่าวขอบคุณ พล.ต.ต.ธงชัย ธารณธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจว.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้สั่งการให้ ผู้กำกับการ ตำรวจทุกโรงพักที่เกี่ยวข้องติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี โดยมูลนิธิปวีณาฯจะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม และให้ตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมทุกรายโดยเร็ว.
