ดร.สุภชัย ระบุ “ธรรมะให้แสงสว่างในใจคน ผมเป็นคนมีฐานะ แต่สิ่งที่มี หากตายไป เอาไปไม่ได้สักอย่าง
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม เวลาประมาณ 16.00 น. ที่วัดมหาธาตุวชิรมงคล อำเภออ่าวลึกจังหวัดกระบี่ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการแถลงข่าวและเสวนา ‘ธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคาลุ่มน้ำโขง ก้าวสู่ศตวรรษแห่งธรรม‘ เนื่องในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฏาคม 2567
สำหรับผู้ร่วมแถลงข่าวและเสวนา ได้แก่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม , นายนาเคศ สิงห์ (H.E. Mr. Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย , นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ,ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980
และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รองเลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980
ดร.สุภชัย กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกของการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุจนถึงวันนี้ หลายคนถามว่า เหตุใดจึงอัญเชิญไปยังอุบลราชธานี รวมถึงกระบี่ ตนตอบว่า เป็นพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ก่อตั้งมาเป็นเวลา 17 ปี ตนมีความฝันถึง ‘พุทธพลิกโลก‘ หลังจากนั้น จึงย่อยมาเป็น ‘พุทธพลิกสุวรรณภูมิ‘ คือ เพื่อนบ้านรวม 5 แผ่นดิน
“ทุกอย่างเหมือนเหตุบังเอิญ แต่ไม่ใช่ เพราะเสมือนมีผู้วางบทไว้แล้ว ผมเป็นเพียงตัวประกอบในการทำงานโดยมีท่านส่งตัวช่วยมาทุกประเทศ
วันนี้ขอเปิดใจในวันสุดท้ายต่อหน้าพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ สิ่งต่างๆเป็นเพราะพุทธประสงค์”
ดร.สุภชัยกล่าวว่า หากถามว่าความสำเร็จเกิดขึ้นได้ในครั้งนี้เพราะเหตุใด ตนขอตอบว่า เพราะความตั้งมั่น ศรัทธา ไม่ลดการ์ด
“เพราะศรัทธาไม่ตก เลยตั้งการ์ดแม่น ไม่ลดการ์ด ตั้งมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราถือเป็นที่พึ่ง ไม่มีมันนี่สรณังคัจฉามิ หรือ อำนาจสรณังคัจฉามิ เราทำด้วยจิตบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งตอบแทน
ความสำเร็จครั้งนี้ พิสูจน์แล้วว่า พระพุทธเจ้าทรงไว้วางพระทัยในการเสด็จมาโปรดเพราะท่านส่องเวไนยสัตว์ว่าคนที่ท่านจะมาโปรดนั้นสามารถยกระดับได้หรือไม่”
ดร.สุภชัย กล่าวต่อไปว่า ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาวพุทธในภัทรกัปป์ที่ทั้งพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุเสด็จครบถ้วน ลมหายใจที่ท่านทิ้งไว้จะถูกจารึก เปรียบเสมือนการต่อยอดหลักธรรม ให้วงล้แแห่งธรรมหมุนต่อ โดยมีประเทศไทยเป็นฐานในการหมุน ซึ่งท่านนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย มีวิชั่นในการสร้างศตวรรษแห่งเอเชีย ทั้งที่ท่านนับถือศาสนาฮินดู
“เมื่อคืนใจหาย ผมอยู่กับท่าน (พระบรมสารีริกธาตุ) มา 25 วันเต็ม (น้ำตาคลอ) ธรรมะให้แสงสว่างในใจคน ผมเป็นคนมีฐานะ แต่สิ่งที่มี หากตายไป เอาไปไม่ได้สักอย่าง ผมถึงมาทำงานนี้ สวรรค์ดูกันที่นามธรรม บุญกุศลไม่มีหน่วยนับ วันนี้ได้เห็นศรัทธาชาวพุทธมากมาย
ครั้งนี้ เหมือนการสร้างประวัติศาสตร์ให้ชาวพุทธทั้งโลกในยุคภัทรกัปป์ แนวทางการสร้างสันติสุขโดยเฉพาะอย่างยิ่งในไทย เกิดได้เพราะพุทธศาสนา แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งตะร่ำรวย มั่นคง ทั้งโภคทรัพย์ และอริยทรัพย์” ดร.สุภชัย กล่าว
ดร.สุภชัย กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการเสด็จของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุครั้งนี้ ลมหายใจที่พระองค์ท่านทิ้งไว้ เราจะนำมาต่อยอด เราต้องยกระดับจิต เป็นการหมุนวงล้อแห่งธรรม ประกาศดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าชาวไทย อินเดีย และอื่นๆ ให้ธรรมะอยู่ต่อไปอีก 2,500 ปี
อดีตทูต ‘มาริษ’ เชื่อ ศตวรรษแห่งเอเชียไม่ไกลเกินเอื้อม ชวนมองข้ามชอตสู่ศตวรรษแห่งธรรม
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม เวลาประมาณ 16.00 น. ที่วัดมหาธาตุวชิรมงคล อำเภออ่าวลึกจังหวัดกระบี่ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการแถลงข่าวและเสวนา ‘ธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคาลุ่มน้ำโขง ก้าวสู่ศตวรรษแห่งธรรม’ เนื่องในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฏาคม 2567