ศาสนา-ศิลปวัฒนธรรม

พระธรรมทูตอินเดีย-เนปาล หัวใจพระนักเผยแผ่ นำสมัยจัดปฏิบัติธรรมออนไลน์ ไหว้สี่สังเวฯ

เสมือนโลกจักรวาลนฤมิตอย่างเมตาเวิร์ส

เป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว ที่คณะพระธรรมทูตสายประเทศอินเดียเนปาล ต้องเผชิญกับสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19ระบาด เหมือนกับทุกคนทั่วโลก แม้ที่ผ่านมาจะไม่สามารถอยู่จำพรรษาและปฏิบัติศาสนกิจที่วัดในแดนพุทธภูมิได้ แต่คณะพระธรรมทูตสายประเทศนี้ ก็ยังปฏิบัติศาสนกิจเพื่อพุทธศาสนิกอย่างไม่เคยขาดหาย ในบทบาทของการนำพระธรรมจากแดนพุทธภูมิมาสู่สุวรรณภูมิ นั่นคือประเทศไทย ทั้งยังมีการทำสาธารณกุศล อาทิ โรงพยาบาลเพื่อประชาชนท้องถิ่นอินเดีย ที่สถานพยาบาลกุสินารา อินเดีย ไปพร้อมกันด้วย

จวบจนเมื่อถึงช่วงเริ่มต้นพุทธศักราชใหม่ ปี 2565 พระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรมทูตสายประเทศอินเดียเนปาล นำคณะพระธรรมทูตประกอบด้วย

พระครูปริยัติโพธิวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยเชตะวันมหาวิหาร

พระมหานิพนธ์ ญาณวีโร เลขานุการเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา

พระครูนรนาถเจติยาภิรักษ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์

พระครูอุดมโพธิวิเทศ เจ้าอาวาสวัดพระรามอโยธยาอินเดีย

พระครูสังฆรักษ์รังสิต เจ้าสอาวาสวัดไทยนวราชรัตนาราม960

พระครูธรรมธรสงกรานต์ เจ้าอาวาสวัดโพธิโมลีราชบัณฑิต

เดินทางประกอบศาสนกิจ และตรวจเยี่ยมวัดไทยในอินเดียและเนปาล เป็นเวลา 10 วัน หลังจากไม่สามารถเดินทางกลับไปยังแดนพุทธภูมิได้เลยนานเกือบ 2 ปี

การปฏิบัติศาสนกิจในครั้งนี้ เริ่มต้นด้วยการประกอบพิธีสาธยายพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนเพื่อเป็นบุญฤทธิ์จากแดนพุทธภูมิ ให้คุ้มครองประชาชนคนไทยในทุกศาสนาและคนทั่วโลก การจัดสวดมนต์ข้ามปีสองแผ่นดินด้วยระบบออนไลน์ จากนั้นคณะฯจึงเดินทางตรวจเยี่ยมวัดไทยในแดนพุทธภูมิ อินเดียเนปาล ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน

แม้ต้องเดินทางไปประกอบศาสนกิจและตรวจเยี่ยม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังต้องระวังตัวอยู่มาก อากาศที่หนาวเย็น หมอกลงจัด เหมือนเดินทางผ่านความืดสีขาว แทบมองไม่เห็นทาง แต่คณะพระธรรมทูตก็ยังจัดกิจกรรมเสริมด้วยโครงการบวชชีพรหมโพธิ [ออนไลน์] ปฐมอรุณแห่งปีพุทธศักราช 2565  ดินแดนพุทธภูมิ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมรับปีใหม่ พร้อมกับร่วมเดินทางไปประกอบศาสนกิจนมัสการสี่สังเวชนียสถานด้วย

การจัดบวชออนไลน์ นอกจากทุกท่านจะได้รักษาศีล ปฏิบัติธรรมรับปีใหม่เป็นสิริมงคลแก่ตนเองแล้ว ยังเป็นการฝึกใจตนเอง เปลี่ยนบ้านให้เป็นวัด ทำห้องพระให้เสมือนเป็นพระอุโบสถหรือวิหาร เพื่อการฝึกปฏิบัติธรรม ทั้งยังได้นมัสการสังเวชนียสถานพร้อมกับคณะพระธรรมทูตที่นำพิธีโดยพระเดชพระคุณพระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดียเนปาลในทุกที่ทุกสถาน ยังให้เกิดควาสังเวชลึกลงไปในจิตใจ เป็นการฝึกใปอีกระดับหนึ่ง สำคัญคือไม่ว่าโลกนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร สถานการณ์จะเป็นเช่นไร มันเป็นอนิจจัง เป็นวัฏฏะ แต่เราผู้เป็นปุถุชนจะเจริญได้ก็ด้วยการฝึกฝนตนเอง ให้เป็นผู้มีสติ ไม่หวั่นไหว และใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทดังที่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้แล้ว เมื่อครั้งก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่เมืองกุสินารา

พระครูอุดมโพธิวิเทศ เจ้าอาวาสวัดพระรามอโยธยาอินเดีย ผู้ริเริมและจัดโครงการฯกล่าว

การจัดบวชออนไลน์ในครั้งนี้ เราได้เห็นถึงหัวใจของพระนักเผยแผ่ หัวใจของครูผู้ให้ และหัวใจของพุทธบุตรผู้ปฏิบัติตามพระพุทธบิดา ทั้งผู้ร่วมกิจกรรมกว่าร้อยชีวิต ยังได้เห็นบรรยากาศดินแดนพุทธภูมิอีกครั้ง เสมือนได้ปฏิบัติธรรมตามสมัยไปกับโลกจักรวาลนฤมิต ได้กราบนมัสการ สถานที่นั้นจริงๆ การสอดส่ายกล้องผ่านมือถือเครื่องเล็กๆของพระธรรมทูต เหมือนได้สอดส่ายสายตามมองไปรอบๆ มองเห็นหมอกหนาว เห็นสถานที่ เห็นพุทธรูป เห็นตัวหนังสือสวดมนต์ และเห็นการก้าวย่างเมื่อเดินประทักษิณรอบๆองค์เจดีย์

ในโลกของการสื่อสารออนไลน์ แม้มีจุดเปลี่ยนอารยธรรมมนุษย์อย่างเมตาเวิร์ส (Metaverse) แต่สำหรับพระธรรม ยังคงเป็นอกาลิโก แม้เมื่อการเผยแผ่และวิธีการปฏิบัติจะปรับเปลี่ยนไปบ้าง ก็อาจจะใช้คำล้อลื่นไหลไปได้ว่านี่คือ เมตตาเวิร์ด (ความเมตตาต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อโลก)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เอง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า