พระฆ่าตัวตายไม่เป็นปาราชิก กรณีที่พระธรรมวงศาจารย์ อายุ 87 ปี เจ้าอาวาสวัดโคกสมานคุณ
พระธรรมกิตติเมธี (เกษม ป.ธ.9 Ph.D) ผจล วัดราชาธิวาส กทม.
พระอารามหลวง จังกวัดสงขลาใช้ด้ายสายสิญจน์ ผูกคอฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 22 ธค. 64 นั้น ผูคนสงสัยว่าทำแบบนี้ เป็นอาบัติปาราชิก หรือไม่
เรื่องนีเพระธรรมกิตติเมธี(เกษม ป.ธ.9 ดร ) ตอบคำถามผู้ฟังทางบ้าน ในรายการพุทธานุภาพที่ท่านดำเนินรายการทางวิทยุ และเฟสบุก เมื่อคืนวันที่ 24 ธค.64 ว่า ไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่เป็นบาปกรรม ที่ไม่ควรทำ
ท่านอธิบายว่าเจตนาสิกขาบทที่ 3 แห่งอาบัติปาราชิกที่ว่า ห้ามภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์ให้ตายภิกษุใดทำเอง หรือสั่งให้คนอื่นทำ ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ภิกษุทำอาบัติร้ายแรง แต่ฆ่าตัวเองตาย เป็นอาบัติทุกกฎ หรือ ถุลลัจจัยเท่านั้นหากเป็นบาปกรรม
พระพรหมกวี วัดกัลยาณมิตร อธิบายในหนังสืออธิบายวินัย กำหนดวัตถุแห่งอาบัติ ว่ามี 4 คือ1 มนุษย์เป็นวัตถุแห่งปาราชิก
2 อมนุษย์ เช่นเปรต ยักษ์ และสัตว์ดิรัจฉานที่มีฤทธิ์ เป็นวัตถุแห่ง(อาบัติ)ถุลลัจจัย
3 สัตว์ดิรัจฉานเป็นวัตถุแห่ง(อาบัติ) ปาจิตตีย์
4 พยายามฆ่าตัวเองเป็นอาบัติทุกกฎ (ภิกษุทพตัวเองให้บาดเจ็บนและฆ่าตัวเองให้ถึงตาย ยังหาคำอธิบายและการปรับอาบัติไม่พบ
แต่ถ้าว่าตามมูลเหตุปัจจัยของก่รบัญญัติสิกขาบทนี้ น่าจะปรับอาบัติถุลลัจจัยและปาราชิกเหมือนกัน เพราะเป็นกายมนุษย์เหมือนกัน และที่ท่านอธิบายไม่ชัดเจน อาจเพราะวินัยบัญญัติไว้เพื่อปรับอาบัติภิกษุที่มีชีวิตอยู่ เรื่องความตายเป็นเรื่องของกรรม
พระศรีธวัชเมธี
โดยอารามชรา