ผวจ.นครศรีธรรมราช สรุปสถานการณ์มีน้ำท่วม น้ำหลากในบางพื้นที่ของ 12 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า จำนวน 18,000 ครัวเรือน
นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากจากเหตุการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ว่า ขณะนี้สถานการณ์ในรวมทั้งจังหวัดคลี่คลาย ฝนหยุดตกตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ระดับน้ำในคลองสายหลักสามารถระบายน้ำให้ดี โดยได้ประสานพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้นำชุมชนที่ได้รับผลกระทบทราบถึงสถานการณ์ การให้ความช่วยเหลือและเร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย โดยสถานการณ์ฝนตกหนักส่งผลให้มีน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากในบางพื้นที่ จำนวน 12 อำเภอประกอบด้วย อำเภอสิชล ขนอม นบพิตำ เมืองนครศรีธรรมราช พิปูน พรหมคีรี ร่อนพิบูลย์ท่าศาลา ปากพนัง ชะอวด จุฬาภรณ์ และเชียรใหญ่ รวม 44 ตำบล 312 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 18,229 ครัวเรือน 71,564 คน ความเสียหายด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ 2,255 ครัวเรือน คาดว่าจะเสียหาย 465 ไร่ พื้นที่ประสบภัย 19,815ไร่ (พืชไร่และพืชผัก305 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 19,510 ไร่) ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 7,167 รายได้รับแจ้งโคตาย/สูญหาย 5 ตัว สัตว์ที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย 593,050 ตัว ประกอบด้วย โค7,384 ตัว, กระบือ 128 ตัว, สุกร 57,603 ตัว , แพะ
ด้านประมง อยู่ระหว่างสำรวจ ส่วนด้านสิ่งสาธารณประโยชน์และด้านอื่นๆ อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ในพื้นที่ต้นน้ำ ในเขตอำเภอพรหมคีรีว่า สถานการณ์ระดับน้ำในคลองสายหลัก คลองนอกท่า อ้ายเขียว คลองปลายอวนและคลองแคว ระดับน้ำเข้าสู่ภาวะปกติ คลองสาขาในพื้นที่ ไม่มีน้ำเอ่อล้น ส่วนกรณีทางเบี่ยงจุดก่อสร้างสะพานท่ายายหนีที่ถูกน้ำกัดเซาะรถไม่สามารถผ่านได้นั้น ในช่วงเช้าวันนี้(6 เม.ย.65) แขวงทางหลวงนครศรีธรรมราช ที่ 1 และศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 4 ได้ทำการซ่อมแซมขณะนี้สามารถใช้งานได้ปกติ ถนนทุกสายไม่มีน้ำท่วมขังสัญจรได้ตามปกติ แต่บ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ลุ่มต่ำของตำบลนาเรียง และตำบลอินคีรี จำนวน 40 ครัวเรือน ที่ยังมีระดับน้ำท่วมขัง เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลายน้ำและลุ่มต่ำ ที่ยังได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนในคลองท่าแพ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าให้การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว ส่วนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่อื่นนั้น ได้ประสานอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสาขาในพื้นที่ เข้าช่วยเหลือประชาชนเป็นการเบื้องต้น พร้อมขอรับการสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยพร้อมพนักงานขับ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย แต่ยังได้กำชับให้ อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง
อุไรวรรณ/ข่าว รัชชนท์–เกียรติศักดิ์–วุฒิชัย/ภาพ
