เครือข่ายภาคประชาชนในจังหวัดสงขลา เตรียมทำหนังสือทวงถามผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีการรุกโบราณสถานเขาแดง
หลังตัวแทนสำนักศิลปากรที่ 11 เข้าแจ้งความแล้ว 1 สัปดาห์แต่ยังเงียบ ไร้การเหลียวแล กดดันให้ตอบทั้งในประเด็นปล่อยให้มีการบุกรุก ทำถนน รวมถึงบุกรุกพื้นที่ และ การมีผู้มีอิทธิพลเข้าข่มขู่เจ้าหน้าที่บางหน่วยขณะปฏิบัติหน้าที่ด้วย
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ กรณีการบุกรุกโบราณสถานหัวเขา ในอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลาด้วยการตัดโค่นไม้ และตัดถนนขึ้นไปสู่ยอดเขา ซึ่งเป็นถนนกว้าง 4 เมตร ยาวประมาณ 1-2 กิโลเมตร ขึ้นสู่ยอดเขา ส่งผลกระทบต่อสภาพของโบราณสถาน รวมถึงจิตใจของประชาชนในพื้นที่ โดยโบราณสถานแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 2,460 ไร่ โดยสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มทุนผู้มีอิทธิพลที่เข้าดำเนินการในพื้นที่ เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแต่ล่าสุดนั้น เรื่องยังคงไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในขณะที่สื่อสังคมออนไลน์ในจังหวัดสงขลานั้นต่างออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่ และ เปิดหน้าผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้โดยตั้งข้อสังเกตว่าต้องเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพล จึงจะสามารถทำได้ เพราะต้องใช้เครื่องจักรกรขนาดใหญ่ อีกทั้งใช้เวลานานนับเดือนแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวาง
นายปรีชา สุขเกษม เครือข่ายภาคประชาชนในจังหวัดสงขลา ระบุว่าการบุกรุกโบราณสถานเขาแดงนั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งโดยสภาพนั้นเชื่อว่ามีการบุกรุกพื้นที่มานาน แต่กลับไม่มีใครหรือหน่วยงานใดมองเห็น โดยโบราณสถานเขาแดงนั้นมีบางจุดที่ถูกเตรียมหยิบยกให้เป็นหนึ่งในพื้นที่เมืองมรดกโลกร่วมกับเมืองเก่าสงขลา อีกทั้งยังเป็นประวัติศาสตร์เมืองโบราณซิงกอร่า จึงเตรียมที่จะเดินทางไปทวงถามต่อนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ว่าได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องอย่างไรและจะสามารถคลี่คลายคดีรวมถึงทำให้ความกระจ่างต่อสาธารณะได้เมื่อไหร่ ทั้งในประเด็นการบุกรุกโบราณสถานรวมถึงกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่