SATU HATพรรคประชาชาติไม่ทอดทิ้งแม่เลี้ยงเดี่ยว มอบรองเท้าเด็กนักเรียนในวันเปิดเทอม “วันนอร์” ระลึกตอนเด็กไม่มีรองเท้าใส่ไปเรียน “ทวี” ย้ำต้องลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส เขต 3 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะส.ส.นราธิวาส เขต 4 นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี เขต 4 นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลาเขต 2 นายอับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.ยะลา เขต 3 นายมูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ รองโฆษกพรรคประชาชาติ และนายเศรษฐ อัลยุฟรี นายก อบจ.ปัตตานี พบปะกลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ชื่อกิจกรรม “Satu Hati เราคือพี่น้องกัน ประชาชาติไม่ทิ้งประชาชน”
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า มนุษย์เราบางคนมีฐานะดีบางคนมีฐานะยากจนเพื่อให้เราได้ช่วยเหลือกัน วันนี้รู้สึกระลึกถึงความหลัง เมื่อได้เห็นรองเท้านักเรียนที่จะมอบให้กับหนูๆในวันนี้ จำได้ว่าตอนเด็กก็ไม่มีรองเท้านักเรียน ตอนนั้นเรียนโรงเรียนประชาบาล ไปโรงเรียนไม่มีรองเท้า แต่จะใส่รองเท้าเฉพาะในวันที่ครูบังคับ ใครไม่ใส่รองเท้าให้ไปยืนหน้าเสาธง จึงเป็นเหตุผลที่ต้องไปขอพ่อแม่ให้ซื้อรองเท้า ทำให้มีรองเท้านักเรียนคู่แรกในชีวิต และรู้สึกรักรองเท้านั้นมาก เมื่อไปถึงโรงเรียนจะถอดรองเท้าใส่ไว้ในโต๊ะ จะไม่ใส่กลับบ้านเพราะกลัวเลอะ แต่จะใส่รองเท้าเฉพาะตอนเข้าแถว นี่คือสภาพเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ตนเองก็ไม่ได้มีรองเท้าดีๆใส่ เราอยากมีเสื้อผ้าดีๆรองเท้าดีๆใส่ และเรามีวันนี้ได้เพราะตอนเด็กเราตั้งไจเรียน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้ว่า โชคของมนุษย์ไม่ได้มาจากพระเจ้าช่วยเหลือแต่เราต้องช่วยตัวเองก่อน และพระเจ้าจะยกสถานะของเราให้ดีขึ้น เช่นวันนี้ ตนมีตำแหน่งเป็นผู้แทนราษฏรได้ เพราะขยันเรียน ตั้งแต่ชั้นประถมไม่เคยสอบได้ต่ำกว่าที่สาม
“ถ้าเราเกิดมาเป็นคนจนนั่นไม่ใช่ความผิดของเรา แต่ถ้าเราตายในฐานะยากจนนั้น เราต้องถามตัวเอง เรามีเวลามากมายในการทำมาหากิน ถ้าเราขยันทำงาน พระเจ้าจะไม่ให้เราเสียชีวิตในฐานะยากจน แต่ถ้าเราพยายามขยันทำงานแล้วแต่ก็ยังจนอยู่นั่นไม่ใช่ความผิดของเราแล้วแต่เป็นความผิดของรัฐบาล ที่ทำให้มีความเหลื่อมล้ำไม่ดูแลราคาพืชผลการเกษตร ไม่ดูแลราคายางพารา ไม่ดูแลชาวนา ไม่ดูแลแรงงาน เหล่านี้คือหน้าที่ของรัฐบาล พรรคประชาชาติเป็นพรรคการเมืองหนึ่งคิดถึงกำเนิดที่นี่เราถือว่าเรามีภาระหน้าที่กับประชาชน ประชาชาติคือประชาชน ประชาชาติต้องดูแลประชาชนทุกชาติพันธุ์ ดูแลให้มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด วันนี้พรรคประชาชาติมาร่วมกับคณะผู้จัดงานจะแก้ความเหลื่อมล้ำที่พ่อแม่ผู้ปกครองลำบาก บางคนมีแม่แต่ไม่มีพ่อ บางคนไม่มีทั้งพ่อแม่อยู่กับญาติ พระผู้เป็นเจ้าบอกว่านี่คือภาระหน้าที่ของคนที่มีชีวิตอยู่ และเป็นหน้าที่ของพรรคประชาชาติซึ่งเป็นพรรคของเรา พรรคของประชาชน“
ด้าน พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง กล่าวว่า ยังจำได้ว่า ตอนที่เข้ามาอยู่ ศอ.บต. มีปัญหาอยู่สามประการใหญ่ๆ คือ 1.คนยากจน 2.คนเจ็บป่วย 3.คนไม่มีความรู้ ซึ่งทั้งสามข้อเป็นเรื่องที่จะต้องช่วยเหลือ แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อน มีคำถามอยู่ว่าจะเลือกสิ่งใด ท่านประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา ท่านเป็นผู้ตอบว่า ถ้าจะต้องเลือกก็จะเลือกข้อสามคนไม่มีความรู้ เพราะจะต้องทำให้คนมีความรู้ ก็คือเลือกเรื่องการศึกษาก่อน
พันตำรวจเอกทวี กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่เกิด โควิด-19 ที่การศึกษาของประเทศได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะเห็นว่า เมื่อเกิดโควิดสิ่งที่นายกฯประยุทธ์กับคณะได้เลือกปิดอะไรก่อน ก็คือเลือกปิดโรงเรียนหรือปิดการศึกษาก่อน หมายถึงเลือกปิดการหาความรู้ก่อน แล้วจึงปิดเศรษฐกิจต่างๆ และปิดประเทศ แต่พอจะเปิด นายกประยุทธ์ก็ไปเปิดเศรษฐกิจและเปิดประเทศก่อน แต่ไม่ยอมเปิดโรงเรียนทำให้หยุดเรียนในระบบไป 2 ปี และพึ่งจะมาเปิดโรงเรียนในวันที่17 พฤษภาคมนี้ มันย้อนแย้งกับความสำคัญ การทิ้งเวลาไป 2 ปีกับการปิดการศึกษา ปิดกั้นความรู้ ที่เสียหายมาก มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ซึ่งในประเทศต่างๆเขาไม่ทำแบบประเทศไทยเพราะว่า “เขาไม่นิยมความโง่เขลา” การจะชนะทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องชนะด้วยความรู้ ทุกสิ่งที่สำคัญในโลกไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรู้ มนุษย์เกิดมามีสมองกับสติปัญญา ดังนั้นเพื่อต้องการให้มนุษย์ทุกคนได้ศึกษาเรียนรู้ การที่ประเทศไทยเราไปปิดการศึกษาเป็นเวลา 2 ปีทำให้เราเสียโอกาส ถึงแม้ว่าจะมีการเรียนออนไลน์ก็ตาม แต่สำหรับพี่น้องในพื้นที่ค่อนข้างทำได้อย่างยากลำบาก ขาดแคลนอุปกรณ์มือถือ คอมพิวเตอร์ รัฐธรรมนูญฉบับนี้บอกเลยว่าถ้าใครที่ยากไร้ให้รัฐมีกองทุนให้เรียนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาแต่พอมาดูกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มีงบประมาณ 6,000 กว่าล้าน แต่กลับให้เฉพาะกับโรงเรียนในสพฐ. หรือโรงเรียนของรัฐบาล ในขณะที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผู้เรียน ผู้ปกครองนิยมเรียนประมาณ 600 โรงเรียน สถาบันปอเนาะ โรงเรียนตาดีกา ซึ่งเป็นอุดมการณ์และจิตวิญญาณและเป็นสถานที่ให้ความรู้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาไม่ให้การช่วยเหลือ ช่วยเหลือแต่โรงเรียนของรัฐ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เท่านั้นที่ให้ฟรีอยู่แล้ว ช่วยเหลือพิเศษผู้ยากจนอีกคนละ 3,000 บาท ส่วนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาและโรงเรียนเอกชนอื่นๆที่มีเด็กอยากจนยิ่งกว่ากลับไม่ได้ให้ มันเป็นความเหลื่อมล้ำในกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ซึ่งพวกเราเข้าไม่ถึง“
พันตำรวจเอกทวี กล่าวอีกว่า “การศึกษาเป็นการเปลี่ยนสถานภาพคนให้ดีขึ้น ต้องเปลี่ยนได้ด้วยความรู้ อาชีพต่างๆจะรับผู้มีความรู้ การเปลี่ยนแปลงที่ดีไม่ได้เปลี่ยนด้วยอาวุธหรือด้วยกำลัง ผมอยากจะกราบเรียนว่าในส่วนของพรรคประชาชาติ เป็นพรรคที่ก่อเกิดจากการศึกษาเราเชื่อมั่นว่ามนุษย์ทุกคนคุณค่าต้องมีความเท่าเทียม ต้องมีศักดิ์ศรีเท่ากัน มนุษย์ทุกคนจะต้องมีความสำคัญ ดังนั้นการศึกษาให้ความรู้จะต้องเป็นการศึกษาที่ดีมีคุณภาพเป็นหน้าที่ของคนในพรรค เป็นหน้าที่ของสังคม เพราะเราจะส่งต่ออนาคตของคนที่มีความรู้ ไม่ใช่ส่งต่ออนาคตของความยากจนซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งการเมืองในปัจจุบัน ผมมองไม่เห็นอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณที่ไม่ยอมกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น งบประมาณของประเทศที่จะเข้าสภาก็ยังเหมือนเดิม งบเบิกจ่ายในส่วนกลางเป็นรัฐรวมศูนย์อำนาจนิยมประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท 97% ส่วนงบประมาณมาท้องถิ่นมีเพียงแค่ 3% ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทั้งที่ท้องถิ่นเป็นคนรู้ปัญหาของประชาชนอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาที่เป็นเรื่องสำคัญ การเปิดการศึกษาที่กำลังจะถึงในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 นี้ สภาพเศรษฐกิจที่ทุกคนมีความยากลำบาก รัฐบาลสร้างเงื่อนไขข้อกำหนดในการเปิดเรียนไว้มาก สร้างข้อจำกัดมากทุกข้อกำหนดต้องใช้เงินทั้งนั้น แต่ไม่ส่งเงินงบประมาณมาให้กับครอบครัวและผู้เรียนทำให้มีความยากลำบากยิ่งขึ้น นี่คือปัญหา วันนี้ผมจึงอยากที่จะมารับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และทุกท่านในที่นี้ที่ส่วนใหญ่สามีต้องขังอยู่ในเรือนจำเป็นแม้เลี้ยงเดี่ยวต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ด้วยทราบว่ามีความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส เพราะในส่วนของพรรคประชาชาติเราต้องเอาปัญหาของพ่อแม่พี่น้องประชาชนไปพูดในระดับประเทศ และจะต้องเป็นตัวแทนเพื่อจะนำมาสู่การแก้ปัญหาต่อไปครับต้องขอบคุณทุกท่านที่จัดโครงการกิจกรรมช่วยเหลือนักเรียนในวันนี้ ที่เป็นกิจกรรมช่วยเด็กกำพร้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ” พันตำรวจเอกทวี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการจัดงาน มีการเปิดเวทีรับฟังปัญหาของกลุ่มสตรี ในประเด็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ปัญหาของสามีที่ไม่ได้รับการประกันตัวอยู่ในเรือนจำ ปัญหาการเยี่ยมผู้ต้องขังที่ต้องมีค่าใช้จ่ายจากเงื่อนไขที่กำหนดในการตรวจโรคต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งที่ฐานะยากไร้ ปัญหาการเข้าถึงความยุติธรรมที่ยาก และปัญหาขาดการส่งเสริมอาชีพ และได้มีการมอบรองเท้านักเรียนให้กลุ่มน้องๆ เยาวชนได้ใส่ไปโรงเรียน