กต.สรุปสงครามอิสราเอล ไทยดับ 12 เจ็บ 8 ถูกจับตัวประกัน 11 ราย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชคอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีความไม่สงบจากการโจมตีในอิสราเอล โดยได้สรุปข้อมูลในเรื่องสถานการณ์การสู้รบในขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิตของแรงงานไทย และจำนวนของแรงงานไทยที่ประสงค์ที่จะอพยพกลับประเทศไทย
ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตชาวไทยที่ได้รับแจ้งจากนายจ้างอยู่ที่ 12 ราย, ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย ซึ่งรักษาตัวในโรงพยาบาล, มีชาวไทยถูกจับกุมเป็นตัวประกัน 11 ราย ส่วนรายชื่อของผู้เสียชีวิตจะขอยังไม่เปิดเผยในตอนนี้
มื่อถามว่าจะนำคนไทยเดินทางกลับด้วยเครื่องบินพาณิชย์ก่อนหรือจะรอไปพร้อมกันโดยเครื่องบินของทางกองทัพอากาศ นางกาญจนาระบุว่า ต้องขอตอบตามหลักการว่าต้องขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้อพยพด้วย เช่นในกรณีการอพยพออกจากประเทศซูดานที่มีทั้งเครื่องบินพาณิชย์และกองทัพ ไม่ขอตัดตัวเลือกใดออกไป ตอนนี้เครื่องบินของกองทัพอากาศที่มีการกำหนดไว้คือเครื่องบิน C-130 จำนวน 5 ลำ และเครื่องบิน Airbus A340 การเดินทางโดยเที่ยวบินพาณิชย์ก็เป็นตัวเลือกที่ทำได้เช่นกัน ส่วนจะไปรับคนไทยที่อิสราเอลเมื่อใดก็จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ จำนวนผู้ที่แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางกลับ และการลำเลียงผู้คนไปยังพื้นที่ปลอดภัยและจุดรวมพลจะทำได้ในเวลาเท่าใด ก็จะพยายามทำให้รวดเร็วที่สุด แต่ขอย้ำว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญมากและคงจะต้องให้เวลาในการแจ้งความสมัครใจเพิ่ม เพื่อให้เวลาในการตัดสินใจและติดต่อกับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ให้ครบเสียก่อน
นางกาญจนาให้รายละเอียดถึงพัฒนาการของสถานการณ์ว่ายังคงมีความรุนแรงอยู่โดยรัฐบาลอิสราเอลกำลังพยายามที่จะกระชับพื้นที่เพื่อยึดพื้นที่คืน ขณะนี้ทางการอิสราเอลมีความพยายามที่จะช่วยเหลือพลเรือนกว่า 100 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกันโดยมาจากหลายชาติ อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมัน ยูเครน รวมถึงไทยด้วย ทางกองทัพอิสราเอลได้ประกาศว่าจะอพยพพลเรือนทุกคนออกจากเมืองที่อยู่ใกล้กับฉนวนกาซาซึ่งรวมถึงคนไทยด้วย โดยจะพยายามอพยพให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง
นางกาญจนากล่าวว่า ทางการอิสราเอลได้ให้ข้อมูลกับทางคณะทูตว่าท่าอากาศยานในประเทศยังคงเปิดทำการตามปกติ โดยตอนนี้มีเที่ยวบินเข้าออกราวร้อยละ 50 เมื่อเทียบจากก่อนเกิดเหตุ พร้อมกับยืนยันว่าอิสราเอลยังคงมีความปลอดภัยยังไม่แนะนำให้มีการอพยพ แต่หากประเทศใดประสงค์ที่จะอพยพก็สามารถดำเนินการได้และสามารถใช้เครื่องบินพาณิชย์ในการอพยพได้เช่นกัน แต่หากต้องการใช้เครื่องบินชนิดอื่นก็สามารถติดต่อทางกระทรวงต่างประเทศของอิสราเอลเพื่อประสานงานกันต่อไป
นางกาญจนาย้ำย้ำว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการกำหนดท่าทีต่างๆจะดำเนินการอย่างระมัดระวังและรอบคอบ และหวังว่าความรุนแรงนี้จะยุติลง