จับกุม “ชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร., พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9, พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา, พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผบก.สส.ภ.9 และ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1,
ได้สั่งการบูรณาการการทำงาน โดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.สมพงศ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.9 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9, กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1, ฝ่ายสืบสวน ภ.จว.นนทบุรี, ฝ่ายสืบสวน ภ.จว.สงขลา, ฝ่ายสืบสวน กก.6 บก.ป., ฝ่ายสืบสวน สภ.ปากเกร็ด และ ฝ่ายสืบสวน สภ.หาดใหญ่
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา
นายอาหวู่พะ สินเกา หรือนายอนุชา แซ่โหยว หรือนายลี บุน ลง อายุ 62 ปี สัญชาติ มาเลเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จว.สงขลา ที่ จ.269/2568 ลงวันที่ 8 เมษายน 2568
พร้อมด้วยของกลาง
1. สร้อยคอทองคำ จำนวน 38 เส้น
2. สร้อยข้อมือทองคำ จำนวน 31 เส้น
3. ตะขอสร้อย จํานวน 5 อัน
4. อาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติก ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ หมายเลขทะเบียนลบเลือน
จำนวน 1 กระบอก
5. แมกกาซีนปืน จำนวน 2 อัน
6. กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 50 นัด
7. ของหนังพกใน สีดำ 1 อัน
8. กระเป๋าสะพายแบบผ้า มีตราอดิดาส สีดำ ขนาด 30×19 ซม. จำนวน 1 ใบ
9. เป้สะพาย มีตราไนกี้ สีดำ จำนวน 1 ใบ
10. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ออปโป้ สีดำ จำนวน 1 เครื่อง พร้อมซิมการ์ด จำนวน 1 อัน โดยกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน และทำด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้เห็นหรือจำได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม, มีอาวุธปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับ อนุญาตและไม่มีเหตุอันควร”
พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2568 เวลาประมาณ 11.52 น. มีคนร้ายจำนวน 1 คน เข้าไป ก่อเหตุชิงทรัพย์ ที่ห้างทองไทยอุดม 2 โดยคนร้ายแต่งกายใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า-น้ำเงินเข้ม กางเกงขายาวสีเทา สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีขาว-ฟ้า-ชมพู เข้าไปภายในร้าน แล้วพูดว่า “อย่าส่งเสียงดัง” พร้อมกับ เปิดชายเสื้อแสดงให้เห็นอาวุธปืน จากนั้นจึงได้ทำการเข้าไปชิงเอาสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำที่อยู่ ภายในร้านไป จำนวน 69 เส้น น้ำหนัก รวม 138 บาท มูลค่าประมาณ 6.9 ล้านบาท แล้วได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หลบหนีไป
ด้วยคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเป็นคดีที่สนใจของประชาชน เนื่องด้วยคนร้ายก่อเหตุ ช่วงเวลากลางวันในชุมชน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เข้าควบคุมสั่งการสืบสวนสอบสวน ด้วยตนเองในทันที ร่วมกับ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถพิสูจน์ทราบ ผู้กระทำความผิดได้ในเวลาอันรวดเร็วเพียง 5 ชม. และขออนุมัติหมายจับต่อศาลได้ในเวลาไม่ถึง 24 ชม.
ต่อมาวันรุ่งขึ้น (9 เม.ย.2568) เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่าคนร้ายหลบหนีมายังพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จึงได้บูรณาการการทำงานจนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ ถูกชิงทรัพย์ไปได้บริเวณสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สมศักดิ์ หิรัญรุ่งผู้สื่อข่าวภาคสนามรายงาน