ตม. รวบแก๊งต่างชาติหลอกทำวีซ่าเชงเก้นปลอม
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รองผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม. ปฏิบัติราชการบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภานุภาคณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธนิสร แสงท่านั่ง ผกก.ตม.จว.สตูล ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
1. สืบ ตม. รวบแก๊งต่างชาติหลอกทำวีซ่าเชงเก้นปลอม
บก.สส.สตม. เพิกถอนวีซ่าและจับกุมแก๊งต่างชาติ ซึ่งมีพฤติการณ์หลอกชาวต่างชาติทำวีซ่าเชงเก้นปลอม และเป็นนายหน้ารับทำวีซ่า ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อผลักดันส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร จำนวน 4 ราย ดังนี้
1. นายอัมหมาด (นามสมมติ) อายุ 31 ปี สัญชาติปากีสถาน
2. นายมูฮัมหมัด (นามสมมติ) อายุ 49 ปี สัญชาติปากีสถาน
3. นายชาคีน (นามสมมติ) อายุ 33 ปี สัญชาติปากีสถาน
4. นายอิฟาน (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สัญชาติปากีสถาน
พฤติการณ์การกระทำความผิด คือ กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนทราบว่ามีกลุ่มชาวปากีสถานรับทำวีซ่าเชงเก้นให้กับชาวต่างชาติที่ต้องการจะเดินทางไปประเทศกลุ่มเชงเก้น ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าวีซ่าเชงเก้นที่กลุ่ม ชาวปากีสถานรับทำเป็นวีซ่าปลอม จึงให้นายโรหิต (สายลับ) ชาวอินเดียติดต่อกับกลุ่มดังกล่าวเพื่อขอทำวีซ่า โดยนายโรหิตได้ติดต่อกับนายอัมหมาด หนึ่งในสมาชิกกลุ่มชาวปากีสถาน ซึ่งนายอัมหมาดได้ให้นายโรหิตมอบหนังสือเดินทางให้กับตนพร้อมทั้งลงชื่อในแบบฟอร์มการขอวีซ่าเชงเก้น และแจ้งให้นายโรหิตเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการเป็นเงิน 7,000 ยูโร (ประมาณ 267,000 บาท) โดยตกลงว่าเมื่อนายโรหิตจ่ายเงินครบแล้ว นายอัมหมาดจะนำหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่า เชงเก้นมาให้นายโรหิต ต่อมานายอัมหมาดได้ส่งภาพถ่ายแผ่นปะวีซ่าเชงเก้นที่อ้างว่าไปดำเนินการเรียบร้อยแล้วมาให้นายโรหิต และให้นายโรหิตถ่ายภาพเงิน 7,000 ยูโร สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่งไปให้นายอัมหมาดตรวจสอบ เพื่อจะนัดวันรับหนังสือเดินทางและวีซ่า จากนั้นนายโรหิตจึงได้ส่งภาพแผ่นปะวีซ่าเชงเก้นที่ได้รับจากนายอัมหมาดมาให้เจ้าหน้าที่กก.1 บก.สส.สตม. เพื่อตรวจสอบ และกก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ส่งภาพถ่ายแผ่นปะวีซ่าเชงเก้นไปให้ สถานเอกอัครราชทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย ตรวจสอบพบว่าเป็นของปลอม จึงวางแผนให้นายโรหิตนัดหมาย นายอัมหมาดมาส่งมอบหนังสือเดินทางและวีซ่าเชงเก้นที่ร้านสะดวกซื้อในย่าน ถ.ลาดกระบัง แขวง/เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เมื่อถึงเวลานัดหมายนายอัมหมาด ได้เข้ามาพบนายโรหิตภายในร้านสะดวกซื้อ แจ้งว่าจะมารับนายโรหิตไปรับหนังสือเดินทางที่โรงแรมแห่งหนึ่งโดยมีนายมูฮัมหมัด และนายชาคีนนั่งอยู่ในรถแท็กซี่รอรับนายโรหิตหน้าร้านสะดวกซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. จึงแสดงตัวเพื่อตรวจสอบเอกสารประจำตัวของนายอัมหมาด, นายมูฮัมหมัด และนายชาคีน และเดินทางไปตรวจสอบที่พักของ นายอัมหมาด, นายมูฮัมหมัด และนายชาคีน ที่อพาร์ทเม้นท์ ย่าน ซ.ลาดพร้าว 148 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ พบ นายอิฟาน พักอาศัยภายในห้องดังกล่าว และตรวจพบหนังสือเดินทางของนายโรหิต ซึ่งไม่พบแผ่นปะวีซ่าเชงเก้นภายในเล่มหนังสือเดินทางแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบหนังสือเดินทางประเทศอินเดีย จำนวน 2 เล่ม, แบบฟอร์มคำขอวีซ่าลาวพร้อมเอกสารของคนต่างด้าวที่จะขอวีซ่า จำนวน 16 ชุดจึงได้ตรวจยึดเอกสารดังกล่าวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.
จากการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ พบว่า นายอัมหมาด, นายมูฮัมหมัด, นายชาคีน และนายอิฟาน ร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำงานโดยเป็นนายหน้ารับทำวีซ่าเซงเก้น อีกทั้งยังมีการส่งข้อความชักชวนชาวต่างชาติรายอื่นๆ ทำวีซ่าเซงเก้นอีกจำนวนมาก ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าไม่สามารถทำวีซ่าได้จริง เป็นการหลอกลวงชาวต่างชาติทำวีซ่าเชงเก้นปลอม และจากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางพบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายอัมหมาด, นายมูฮัมหมัด, นายชาคีน และนายอิฟาน ยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรบุคคลทั้ง 4 รายดังกล่าว เนื่องจากพิจารณาเห็นว่ามีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมหรือจะ ก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชนหรือความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และ
ขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรต่อไป
สมศักดิ์ หิรัญรุ่ง ผู้สื่อข่าว ภาคสนาม