สมอ. จับมือภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อ ดันตลาดค้าส่ง-ค้าปลีกทั้งจังหวัดปทุมธานี 33 แห่ง แสดงจุดยืนพร้อมขายสินค้ามาตรฐาน มอก.
บูรณาการความร่วมมือคุ้มครองความปลอดภัยในคุณภาพสินค้าให้แก่ประชาชน วันนี้ ( 26 พ.ย.64 ) เวลา 10.00 น. ที่ ตลาดรังสิต จังหวัดปทุมธานี นายธีระยุทธ วานิชชัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง “การส่งเสริมผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยให้จำหน่ายสินค้ามาตรฐาน มอก. เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค” ระหว่างสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม (สมอ.) กับภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อจังหวัดปทุมธานี ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า โดยมีแผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภค ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 – 2565) เป็นแนวทางในการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศไทย โดยให้ทุกหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภค บูรณาการการทำงานร่วมกัน เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
เพื่อให้การดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภค บรรลุผลตามที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายไว้ โดยมี นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นางสาวกันตรัตน์ เริ่มสูงเนิน นายอำเภอธัญบุรี ร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิตนางสาวสุดาลักษณ์ ชินวิรารัฒน์ ประธานภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อจังหวัดปทุมธานีนายชวลิต ครองสิน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี นายสุรพงษ์ เป้ากลางประธานหอการค้าจังหวัดปทุมธานี นายเศรษฐรัชต์ เลือดสกุล อุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี นางพรอัปสร นิลจินดา ประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี
การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ จึงนับเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเริ่มต้นระหว่างภาครัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแล และภาคเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจร้านค้าได้บูรณาการความร่วมมือร่วมกันในการคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้าซึ่งสอดคล้องตามนโยบาย “ประชารัฐ” ของรัฐบาล ที่ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกัน ในการคุ้มครองความปลอดภัยในคุณภาพสินค้าให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่อยู่ในการควบคุมของ สมอ. ทั้ง 126 รายการ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ของเล่น หมวกกันน็อค ท่อพีวีซี เหล็ก และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งหากไม่ได้มาตรฐานอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้
นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงนาม MoU ในครั้งนี้ เพื่อประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างสมอ. กับภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อในจังหวัดปทุมธานี ทั้ง 33 แห่ง ได้แก่ ตลาดรังสิต ตลาดดีดีมาร์เช่ และตลาดดีดีคลอง 2 ตลาดอินเตอร์มาร์ท ตลาดเจริญกัลป์คลอง 8 ลำลูกกา ตลาดเจริญกัลป์คลอง 10 ตลาดฐานเพชรปทุม ตลาดพึ่งสุข ตลาดโรงเกลือท้ายเกาะ ตลาดไอยรา ตลาดชัชวาลคลอง 7 ตลาดพรธิสาร 10 ตลาดเจริญผลตลาดจันทร์เจริญ ตลาดนัดสามโคก ตลาดนัดอุดมทรัพย์ ตลาดมารวยหทัยราษฎร์ 54 ตลาดใหญ่ลำลูกกา ตลาดกลางลาดสวาย ตลาดมั่งมีทรัพย์ ตลาดสดฉัตรไชย ตลาดพระรูปคลอง 2 ตลาดรวยรุ่งทรัพย์ ตลาดชาญนคร ตลาดนานาเจริญ ตลาดสัมมากรเมืองเอก ตลาดสุชาติ ตลาดพูนทรัพย์ ตลาดเอซีลำลูกกาคลอง 4 ตลาด ส.รุ่งเรืองตลาดไทยสมบูรณ์สแควร์ ตลาดสะพานแดงมาร์เก็ต ตลาดสี่มุมเมือง และตลาดหน้าวัดธรรมสุขใจ จะร่วมมือกันส่งเสริมความรู้ให้ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยภายในตลาดตนเอง โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็กขายสินค้าที่ได้มาตรฐานถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อมิให้เกิดการกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมทั้งเฝ้าระวังมิให้มีการจำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารให้กับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย เพื่อให้สามารถเลือกสินค้าที่ได้มาตรฐานมาจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค
“หลังจากที่ลงนามข้อตกลงร่วมกันในวันนี้แล้ว สมอ. มีแผนการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยทุกตลาดข้างต้น เกี่ยวกับข้อกฎหมาย และวิธีการเลือกสินค้าที่ได้มาตรฐานเข้ามาจำหน่าย รวมทั้งมีแผนการตรวจติดตามการจำหน่ายสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ร้านค้าปฏิบัติตามข้อกฎหมายได้อย่างถูกต้อง” นายบรรจงฯ กล่าว
ด้าน นางสาวสุดาลักษณ์ ชินวิรารัฒน์ ประธานภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อจังหวัดปทุมธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดที่เข้าร่วมลงนาม MoU ในวันนี้ทั้ง 33 แห่ง พร้อมให้ความร่วมมือกับ สมอ. และยินดีปฏิบัติตามข้อกฎหมาย เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยที่อยู่ในพื้นที่ขายสินค้าได้มาตรฐาน ถูกต้องตามกฎหมาย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ และเป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ทั้งการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าภายในตลาด และการลงพื้นที่ของ สมอ. เพื่อตรวจติดตามการจำหน่ายสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมถึงเฝ้าระวังมิให้มีการจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานภายในตลาดทั้ง 33 แห่งด้วย