ที่สุดแห่งปีวงการสงฆ์ไทย พ.ศ. 2568
ระหว่างความศรัทธา ความเสื่อม และบทเรียนประวัติศาสตร์
เกิดขึ้นในวงการสงฆ์นับตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นมา จนกระทั่งสิ้นสุดพรรษา กล่าวกันว่าวงกชาวพุทธต้องเผชิญกับเรื่องน่าอับอายเมื่อเรื่องฉาววงการสงฆ์ เป็นข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งของสื่อต่างๆ แทบไม่เว้นวัน
สร้างความสะเทือนใจแก่พุทธศาสนิกชนอย่างรุนแรง จนกล่าวได้ว่าเป็นปีที่ “ศรัทธาถูกทดสอบ” อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
กรณีอื้อฉาวที่โด่งดังที่สุด คือเรื่อง “สีกากอล์ฟ” เขี่ยพระเถระชั้นผู้ใหญ่นับรวมได้ถึง 13 รูป จนต้องพ้นจากสมณเพศและถูกลงโทษตามกฏหมาย กลายเป็นเหตุการณ์ด้านลบที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทย และถูกบันทึกไว้ในฐานะ “ที่สุดแห่งปี” ด้านการบั่นทอนศรัทธาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ปัญหาของสงฆ์
เกิดเพราะย่อหย่อนในพระธรรมวินัย และประมาทเมื่อเผชิญศัตรูพรหมจรรย์คือสตรี และสตางค์

อย่างไรก็ตาม ภายใต้คลื่นความเสื่อม ยังมีพระสงฆ์จำนวนมากเคร่งพระธรรมวินัยทำหน้าที่เป็น “หลักศรัทธา” ของสังคมอยู่ แต่ไม่เป็นข่าว
ผู้เขียนจึงขอจัดลำดับ ที่สุดแห่งปีวงการสงฆ์ไทย พ.ศ. 2568 ในมิติต่างๆ ดังนี้
1. ที่สุดแห่งปีด้านสังคมสงเคราะห์
คือสมเด็จพระมหาธีราจารย์
เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
เป็นหลักชัยด้านการสงเคราะห์สังคม การศึกษา และการธำรงพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง สมควรได้รับการยกย่องในฐานะพระเถระผู้เป็นร่มโพธิ์ของผู้ประสบภัย
2. ที่สุดแห่งปีด้านพระเกจิ
ได้แก่หลวงปู่ศิลา สินิจันโท วัดพระธาตุหมื่นหิน จังหวัดกาฬสินธุ์
ที่ได้รับศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง ทั้งด้านจริยาวัตร ความเรียบง่าย และเมตตาที่แผ่ไพศาล
3. ที่สุดแห่งปีด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
คือพระพรหมบัณฑิต
เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กรรมการมหาเถรสมาคม และประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ท่านเป็นผู้นำด้านการสื่อสารธรรมสู่สังคมร่วมสมัยอย่างมีระบบและวิสัยทัศน์
4. ที่สุดแห่งปีด้านวิชาการสงฆ์
พระพรหมวัชรธีราจารย์
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ซึ่งโดดเด่นในการยกระดับการศึกษาพระพุทธศาสนาเชิงวิชาการจนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ
5. ที่สุดแห่งปีด้านความเสียสละ
ได้แก่พระพรหมเสนาบดี
เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา กรรมการมหาเถรสมาคม
ที่เป็นแบบอย่างในการ “ถอยเพื่อส่วนรวม” เช่นการลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางแก่ผู้อื่น ก่อนที่คณะสงฆ์จะเห็นคุณูปการและแต่งตั้งกลับมาในฐานะที่ปรึกษา และล่าสุดทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคมอีกวาระหนึ่ง สมควรยกย่องเป็น “ผู้เสียสละแห่งปี”
6. ที่สุดแห่งปีที่มีอายุพรรษาน้อย แต่ได้รับหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งวิชารและบริหาร ท่านคือ
พระธรรมวชิรจินดาภรณ์, รศ.ดร.
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
เจ้าคณะภาค 1-2-3(ธรรมยุต)
– อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
ล่าสุดได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมที่อายุ-พรรษาน้อยสุด
7. ที่สุดแห่งปีด้านชื่อเสียงระดับนานาชาติ
คือพระพรหมสิทธิ
กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดสระเกศ
เป็นพระเถระที่มีบทบาทแวดวงมหายาน และวัชรยาน ระดับนานาชาติอย่างโดดเด่น จึงเห็นบันไดกุฏิไม่เคยแห้งจากการเยี่ยมเยือนของคณะสงฆ์ต่างนิกายที่เดินทางจากประเทศต่างๆเสมอ
8. ที่สุดแห่งปีด้านการบั่นทอนศรัทธา
กรณีพระเถระระดับเจ้าคุณ ตั้งแต่ชั้นเทพถึงพระมหา ส่วนมากมีตำแหน่งปกครองสงฆ์ รวม 13 รูป ต้องพ้นจากวัดเพราะสตรีเพียงคนเดียว ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทางศรัทธาครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของคณะสงฆ์ไทย
9. ที่สุดแห่งปี “ฝันค้าง”
พระเถระระดับรองสมเด็จและชั้นธรรม 3 รูป พร้อมพระราชาคณะและพระครูรวม 77 รูป
ที่มีรายชื่อเตรียมรับการสถาปนาและเลื่อนสมณศักดิในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 แต่เมื่อปรากฏข่าวว่าเจ้าคุณรูปหนึ่งมีชื่อเชื่อมโยงกับสีกากอล์ฟ จึงโปรดให้’ระงับการสถาปนาและเลื่อนสมณศักดิ์ทั้งหมด’ เกิดฝันค้างกันทั้งคณะ
10. ‘สีกา’ที่สุดแห่งปีด้านทำลายพระสงฆ์ คือนางกอล์ฟ
บุคคลเพียงคนเดียวที่ทำให้พระดังๆ ถึง 13 รูป ต้องหลุดพ้นจากสมณเพศ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
11. ที่สุดแห่งปี ‘อุบาสก’ด้านคุ้มครองพุทธศาสนาคือ
พล.ต.ต.จรุงเกียรติ ปานแก้ว
รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินคดี จับกุม และนำพระที่ละเมิดพระวินัยขั้นปาราชิกเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวมถึงสีกากอล์ฟด้วย
12. ที่สุดแห่งปี ‘ดาวดับ’
ได้แก่เจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง
พระราชาคณะชั้นธรรม ผู้มีชื่อเสียงด้านการให้ การปกครอง และสนับสนุนการศึกษาที่เด่นมาก แต่ต้องพลาดพลั้งเพราะสตรีและสตางค์ จนถึงขั้นต้องสึกและรับโทษจำคุกในที่สุด
13. ที่สุดแห่งปี ‘ตกสวรรค์แบบเหนือความคาดหมาย’
เรื่องนี้ไม่มีใครเกิน
เจ้าคุณอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี
และเจ้าคุณสฤษดิ์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์
ทั้งสองกรณีสะท้อนอำนาจของเงินและกิเลส ที่นำไปสู่จุดจบอย่างรวดเร็ว ราวกับ “กรรมตามสนองฉับไว”
บทส่งท้าย
เรื่องราวตลอดปี 2568 มีทั้งพระดีที่เป็นที่ตั้งศรัทธา และเลื่อมใสของประชาชน
และพระที่พลาดพลั้งจนถูกกำจัดออกจากระบบ
จึงพิสูจน์ว่าพระดีย่อมเป็นเสาหลักให้ศาสนายืนยง
พระไม่ดี ก็เปรียบดังศพลอยน้ำ สุดท้ายย่อมถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งให้โลกได้เห็น
ที่กล่าวมานี้เป็นที่สุดแห่งปีวงการสงฆ์ไทย พ.ศ. 2568
ซึ่งเป็นปีแห่งบทเรียนอันเจ็บปวด ที่สังคมพุทธน่าจะลืมไม่ลง
