2รัฐมนตรี ของอินเดียสนับสนุนธรรมยาตรา ครั้งที่ 4
สองรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับงานด้านศาสนาของอินเดีย ให้การต้อนรับคณะธรรมยาตรา ครั้งที่ 4 จากสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 โดยพร้อมสนับสนุนการทำงานด้านศาสนาของสถาบัน และพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินเดีย
ช่วงเย็นของวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2567 พณฯท่าน ศรี คิเรน ริจิจู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการรัฐสภาและชนกลุ่มน้อย เปิดบ้านต้อนรับ คณะธรรมยาตรา ครั้งที่ 4 ลุ่มน้ำโขงสู่มหานทีคงคา ประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ ดินแดนพทธภูมิ นำโดย ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 , นายอภัย จันทนจุลกะ,นายเกษม มูลจันทร์,นายสุรพล มณีพงษ์ และนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
ดร.สุภชัย กล่าวถึงที่มาของการก่อตั้งสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย980 และจุดเริ่มต้นของโครงการธรรมยาตราทั้ง 4 ครั้ง ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี โดยเฉพาะครั้งที่ 3 ที่มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ จากอินเดียไปประดิษฐานชั่วคราว ณ ประเทศไทย เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ใน กรุงเทพมหานครและ อีก 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุบลราชธานี และกระบี่ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมากราบสักการะ โดยเฉพาะที่จังหวัดกระบี่ ส่วนธรรมยาตราครั้งที่ 4 มีจุดเริ่มต้นที่เมือง ปัฏนะ ดินแดนที่เป็นบ้านเกิดของพระเจ้าอโศกมหาราช ธรรมยาตราครั้งนี้จึงเสมือนได้ตามรอยธรรมของพระเจ้าอโศกมหาราช
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการรัฐสภาและชนกลุ่มน้อย กล่าวชื่นชมสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 โดยเฉพาะดร.สุภชัยที่ได้อุทิศตนไม่ใช่เพื่อพุทธศาสนาเท่านั้นแต่ยังกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินเดียให้แน่นแฟ้นมากขึ้น นอกจากนี้ยังรู้สึกประทับใจในโครงการธรรมยาตราครั้งที่ 3 ซึ่งมีผู้คนนับล้านเข้ากราบสักการะ และพร้อมสนับสนุนกิจกรรมของสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ต่อไปในอนาคต
ในช่วงเช้า คณะธรรมยาตรา ครั้งที่ 4 ได้เข้าพบ นาย ศรี คเชนทร ซิงห์ เชควัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยกล่าวว่า ธรรมยาตราครั้งที่ 3 ที่ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุจากอินเดียไปประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย ถือว่าประสบความสำเร็จมาก และยินดีต้อนรับสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย980 ที่เดินทางมาจากประเทศไทย เพราะธรรมะสามารถรวบรวมผู้คนให้เกิดความมีเอกภาพและสันติภาพจากหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของอินเดียยังกล่าวถึงความสำเร็จของการใช้พุทธศาสนาในการเชื่อมโยงเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างลุ่มน้ำโขงและลุ่มน้ำคงคา
ก่อนหน้านี้ คณะธรรมยาตราครั้งที่ 4 ได้เดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ของอินเดีย ตามคำเชิญของ IBC เพื่อกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ที่เคยอัญเชิญมาประดิษฐานชั่วคราวที่ประเทศไทย พร้อมกับพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก จากสาญจี เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เปิดให้ชาวอินเดียเข้ากราบสักการะเนื่องในโอกาสการจัดแสดงนิทรรศการ “สุญญตา” หรือ ความว่างเปล่า ไม่มีตัวตน