มติคณะกรรมาธิการ วิสามัญ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กยศ. (พ.ศ…..)
กำหนด “ดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 0.25 ต่อปี ไม่มีเบี้ยปรับ ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน และมีบทเฉพาะกาลกับผู้กู้ยืมก่อน ร่าง พ.ร.บ.กย. ใช้บังคับ ที่เป็นคุณต่อลูกหนี้ ด้วย
วันที่ 28 มิ.ย.2565 ที่ประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กยศ. ได้มีมติประเด็นเรื่องการคิดดอกเบี้ยเบี้ยปรับ และผู้ค้ำประกัน ใหม่อีกครั้งซึ่งคณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่โหวตให้คงมติตามเดิมที่มีมติไปแล้วคือ “อัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ0.25 ต่อปี โดยไม่มีเบี้ยปรับเงินเพิ่มในกรณีการผิดนัดชำระหนี้ และให้ยกเลิกภาระผู้ค้ำประกันทั้งหมด”
ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ได้พิจารณามาตรา 24 ที่เป็นบทเฉพาะกาล มีสาระสรุปว่า “…พระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับแก่ผู้กู้ยืมเงินและผู้ค้ำประกันซึ่งกู้ยืมเงินหรือค้ำประกันไว้แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ยกเว้นเงินเพิ่มให้กับผู้กู้ยืมเงินและผู้ค้ำประกันดังกล่าวด้วย”
พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า การมีมติให้มีผลย้อนหลังอันเป็นประโยชน์ต่อผู้กู้และผู้ค้ำประกันที่มีอยู่ก่อนวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้กู้จำนวนกว่า 2 ล้านคนที่ผิดนัดชำระหนี้อยู่ในขณะนี้ ต้องมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับที่สูงมาก จะได้รับการช่วยเหลือและบรรเทาภาระ โดยให้เป็นการผ่อนชำระเพียงเงินต้นและดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 0.25 ต่อปีไม่มีเบี้ยปรับและผู้ค้ำประกันก็จะหลุดพ้นจากความรับผิดชอบด้วย
“แต่ทางพรรคประชาชาติเห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 54 ที่เป็นหน้าที่ของรัฐในการต้องจัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา จึงไม่ควรมีการคิดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ซึ่งคณะกรรมาธิการ เสียงส่วนใหญ่ได้อธิบายในกรณีผู้ที่เห็นว่าดอกเบี้ยขัดหลักการศาสนานั้นได้กำหนดค่าใช้จ่ายในการบริหารหรือการกำหนดค่าดำเนินการ โดยใช้คำว่า “ประโยชน์อื่นใด” แทน “ดอกเบี้ย” (ไม่เกินร้อยละ 0.25 ต่อปี) สำหรับผู้กู้ที่นับถือศาสนาอิสสลาม หรือมีความเชื่อตามหลักศาสนาที่ไม่ให้มีการคิดดอกเบี้ย โดยในการพิจารณาครั้งสุดท้ายในอาทิตย์หน้าจะได้มีการพิจารณาขยายโอกาสให้นักเรียนหรือนักศึกษาที่เป็นคนไทยแต่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย ให้สามารถเข้าถึงการกู้ยืมเงินจากกองทุนด้วยได้” พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง กล่าว