ผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาขนส่งสินค้าทางเรือมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดต้นทุนและส่งสินค้าได้มากกว่าปกติ
นายชัยวัฒน์ เหลืองกำธร กรรมการผู้จัดการบริษัทสยามนาวี จำกัด เปิดเผยหลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่าเทียบเรือ บริษัทสยามนาวี จำกัด ว่า จากปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาใช้บริการขนส่งสินค้าทางเรือมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่บริษัทนำส่งออกส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทแร่ยิปซั่มและไม้สัก ส่วนที่ขนส่งเข้ามาจะเป็นปูนซิเมนต์ เนื่องจากขณะนี้ธุรกิจบ้านจัดสรรค์มีการก่อสร้างบ้านพักอาศัยในพื้นที่ภาคใต้ มีการขยายตัว อีกทั้งโครงการของรัฐมีหลายโครงการที่จะต้องใช้ปูนซิเมนต์ในการดำเนินการ
ทำให้การขนส่งสินค้าประเภทนี้มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาการขนส่งปูนซิเมนต์ส่วนใหญ่จะขนส่งทางรถยนต์และทางรถไฟ แต่หลังจากราคาน้ำมันแพงขึ้น ได้หันมาใช้บริการขนส่งสินค้าทางเรือแทน ซึ่งสามารถประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลา และสามารถขนส่งสินค้าได้มากกว่าเดิม ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนองนครศรีธรรมราช โดยในแต่ละปีทางบริษัทขนส่งสินค้าโดยเฉพาะปูนซิเมนต์มีจำนวนปีละไม่น้อยกว่า 1 แสนตัน ซึ่งการเพิ่มท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าในสุราษฎร์ธานีในขณะนี้ ถือว่าเป็นการลดต้นทุนของสินค้า มีการจ้างงานในพื้นที่ให้แรงงานได้มีงานทำ และรองรับนักศึกษาที่เรียนด้านโลเจสจิดได้มีที่ฝึกงานหรือทำงานต่อไปในอนาคต
ด้านนายเกรียงไกร วิชัยดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสันทัดและบุตร จำกัด กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบการขนส่งทางน้ำกับทางบกนั้น ทางน้ำสามารรถขนส่งได้ในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งการขนส่งทางบกต้องแบกรับต้นทุนถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทางบริษัทขนส่งสินค้าในหลายประเภทมีทั้งตู้คอนเทนเนอร์ เรือบาส เรือโบส สามารถส่งสินค้าได้มากขึ้น ทำให้ค้าใช้จ่ายในการขนส่งลดลง สินค้าที่ส่งมีตู้คอนเทนเนอร์ กะลาปาล์มน้ำมัน และแร่ยิปซั่ม
ทั้งนี้มองว่าธุรกิจการขนส่งสินค้าทางเรือมีแน้วโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนการขนส่งทางบกเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากปัญหาราคาน้ำมันที่แพง ทำให้ปัจจัยต้นทุนการขนส่งทางบกเพิ่มสูงตาม ส่งผลให้ผู้ปะรกอบการหันมาขนส่งทางเรือแทน