“ผู้กองธรรมนัส” โชว์เหนือแซะว่าที่สมัครส.ส.น่าน เขต 1 พรรคเศรษฐกิจไทย กระทบใคร? ให้ทำการเมืองรุ่นใหม่ “อย่ามัวแต่อภิปรายจนน้ำท่วมสภา”
“ผู้กองธรรมนัส” พกมูลนิธิส่วนตัวบริจาคนับล้านบาท ช่วยสร้างบ้านผู้ประสบอัคคีภัย – โควิดระบาดน่าน สอนลูกพรรคเศรษฐกิจไทยทำการเมืองรุ่นใหม่ แซะใคร..อย่าพูดมากจนน้ำท่วมสภา หลังทราบผลโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำกิ อ.ท่าวังผา ได้รับอนุมัติจากกรรมการส่วนกลางให้ลงมือปี 2566
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงพื้นที่ จ.น่าน ของทีมงานพรรคเศรษฐกิจไทย นำโดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต 1 และและนายจีรเดช ศรีวิราชส.ส.พะเยา เขต 3 พร้อมด้วยนายสักก์สีห์ พลสันติกุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.น่าน เขต 1 เดินทางไปเยี่ยมเยือนครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัยที่บ้านสบสาย เขตเทศบาลตำบลท่าวังผา และในนามมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า มอบเงินทุนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อซ่อมสร้างบ้านที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายทั้งหลัง และบ้านใกล้เคียงที่เสียหายบางส่วน รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
จากนั้นไปพบปะตัวแทนชุมชนต่างๆ ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ มาเต็มหอประชุมอำเภอท่าวังผา พร้อมมอบถุงยังชีพและยาเวชภัณฑ์ 300 ชุด ช่วยผู้ได้รับความเดือดร้อนไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดโดยก่อนหน้านั้นยังได้เคยส่งเจ้าหน้าที่ดูแลผู้กักตัว สังเกตอาการชาวบ้านน้ำป้าก ต.ตาลชุมอ.ท่าวังผา มาแล้วด้วย
ช่วงดังกล่าว นายสุทัศน์ จินตเวชศาสตร์ นายอำเภอท่าวังผา กล่าวต้อนรับและรายงานสรุปว่าพื้นที่ 438,750 ไร่ ประกอบด้วย 10 ตำบล 91 หมู่บ้าน มีประชากร 5.3 หมื่นคน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ขอบคุณร.อ.ธรรมนัสและคณะ ที่ห่วงใยชาวท่าวังผามาโดยตลอด โดยเฉพาะความต้องการอ่างเก็บน้ำกิ เป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมากเกือบ 3,000 ล้านบาทดำเนินการคืบหน้าด้วยดี หากเสร็จแล้วจะทำให้ประชาชน 8 ตำบล 42 หมู่บ้านได้อานิสงค์น้ำไม่แล้ง – ไม่ท่วม มีอาชีพและสร้างรายได้กันอีกต่อไป
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเดินทางมาจากจ.พะเยา ตั้งใจมาหาชาวน่าน โดยเฉพาะติดตามความคืบหน้าโครงการอ่างน้ำกิ ที่รอคอยกันมานานเมื่อไหร่จะสร้าง เป็นช่วงที่ตนเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ เคยมาลงพื้นที่เร่งรัดโครงการสำคัญทุกอำเภอของจ.น่าน โดยเฉพาะแหล่งน้ำกิ น้ำกอน ตลอดถึงอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ขนาดกลางหลายๆ แห่ง ที่สำคัญคือโครงการสร้างสะพานปากนาย อ.นาหมื่น เพื่อเชื่อมจ.อุตรดิตถ์ไปภาคอีสาน ก็เป็นความหวังของคนน่านด้วย
“หลังจากนี้ผมจะเดินทางไปดูพื้นที่โครงการอ่างน้ำกิ ซึ่งทราบว่า คณะอนุกรรมการโครงการขนาดใหญ่ได้อนุมัติให้สร้างแล้ว เป็นเรื่องที่ตั้งใจมาพบปะพี่น้องท่าวังผาจะได้รับประโยชน์มากกว่าส่วนอื่นๆ” ร.อ.ธรรมนัสระบุ และว่า ใน 8 จังหวัดภาคเหนือนั้น จ.น่านกับพะเยา ถือเป็นบ้านพี่เมืองน้องที่แยกกันไม่ออกว่าใครเป็นคนที่ไหน ดังนั้น การจะสร้างบ้านแปลงเมืองจึงมีแนวทางที่คล้ายกัน การพัฒนาต้องอาศัยการเมืองที่เป็นเรื่องใกล้ตัว โดยเฉพาะในระบอบปกครองประชาธิปไตย
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ท้องถิ่นไปถึงระดับประเทศจะต้องสัมพันธ์และเอื้อกันและกัน ระบบกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นกระจายให้แต่อำนาจ งบประมาณไม่ได้ตามมาด้วย การบริหารราชการจึงไม่สามารถพัฒนาท้องถิ่นให้เข้มแข็งได้ จ.น่านมีปัญหาที่ทำกินเพราะภูมิประเทศเป็นป่าดอยเช่นเคยไปอ.สันติสุขพบส่วนใหญ่เป็นดอยหัวโล้น ชาวบ้านไปทำกินก็ถูกดำเนินคดี โครงการจัดสรรที่ดินที่รัฐบาลพยายามทำมาโดยตลอด ไม่ว่าอยู่ในกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ หรืออื่นๆ จะต้องมีเอกสารให้ทำกินอย่างถูกต้อง
“ดังนั้น ภาคการเมืองในจังหวัดต้องเข้มแข็ง ผมไม่ได้มาโจมตีใคร แต่ต้องการสร้างความเข้มแข็งเกิดขึ้นในท้องถิ่น มีการเมืองในมิติใหม่ อย่างช้าสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า จะต้องเป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ พอเข้าสู่เวทีเลือกตั้งก็สู้กันเต็มที่ ใครเป็นผู้ชนะก็นำนโยบายภาครัฐมาเป็นประโยชน์ให้ประชาชน ใครแพ้ก็ต้องยอมรับตามกติกา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นคณะของร.อ.ธรรมนัสได้เดินทางไปยังจุดชมวิว ริมถนนสายน่าน– อ.สองแคว – จ.พะเยา ซึ่งมองจากมุมสูงเห็นพื้นที่จะสร้างโครงการอ่างน้ำกิ มีเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ป่าไม้ และฝ่ายปกครองท้องที่มารายงานข้อมูลพร้อมแสดงบอร์ดรูปภาพ–แผนที่ ขณะที่ร.อ.ธรรมนัสได้ใช้อุปกรณ์สื่อสาร ติดต่อถึงผู้บริหารส่วนกลางอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดได้แจ้งความคืบหน้าให้ทราบว่า โครงการนี้ได้ผ่านขั้นตอนต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถเริ่มต้นได้ในปี 2566 นี้ ส่วนระยะก่อสร้างจะเสร็จภายในระยะ 4 ปี สร้างความพอใจจากผู้สนใจการประสานข้อมูลคำตอบที่รวดเร็ว และมีช่วงหนึ่งร.อ.ธรรมนัสยังได้หันไปพูดแซวนายสักก์สีห์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.น่าน เขต 1 ว่า “น้องดอยจะต้องทำการเมืองแบบรุ่นใหม่ อย่ามัวแต่พูดมากจนน้ำท่วมสภา”