จีนศึกษา๒๙ ทบทวนจุดยืนของจีนต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเมียนมาร์
จากการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองครบรอบ ๗๐ ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และปีแห่งวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน–เมียนมาร์ ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติแห่งที่ ๒ ในกรุงเนปีดอของเมียนมาร์ เมื่อวันที่ ๑๗ ม.ค.๖๓ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวเน้นว่า
๑.๑ การผลักดันความสัมพันธ์จีน–เมียนมาร์ในยุคใหม่ ต้องรับช่วงต่อจากอดีตและบุกเบิกอนาคต รักษาความเป็นธรรมและนวัตกรรม รวมทั้งร่วมกันสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน–เมียนมา โดยอาศัยหลักการ ๕ ประการ แห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งจีน–เมียนมาร์ร่วมกันริเริ่มขึ้น เพื่อเป็นนวัตกรรมสำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
๑.๒ โลกปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนในช่วงร้อยปีประชาคมโลกนับวันยิ่งกลายเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน อย่างไรก็ตามความไม่เป็นธรรมและความไม่เสมอภาคในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังคงมีให้เห็นอย่างเด่นชัด การรักษาสันติภาพโลก ส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน ยังคงต้องเดินหน้าต่อไปอย่างยากลำบาก ภายใต้สถานการณ์ใหม่ หลักการ ๕ ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่เพียงแต่นำสมัย หากมีจะความยั่งยืน ทั้งนี้ จีนยินดีร่วมมือกับเมียนมาร์ เป็นตัวอย่างของการเชิดชูและปฏิบัติตามหลักการ ๕ ประการ เป็นแบบอย่างของการไปมาหาสู่กันระหว่างประเทศ ตลอดจนผลักดันให้ประชาคมโลกร่วมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน
๒. สำหรับหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ๕ ประการ (Five Principles of Peaceful Coexistence) เป็นหลักการที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนของปี ค.ศ.๑๙๕๔ (พ.ศ.๒๔๙๗) ขณะที่นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล ของจีน เดินทางไปเยือนอินเดียและพม่า (ในขณะเวลานั้น ซึ่งปัจจุบันคือ เมียนมาร์) โดยที่นายกฯ จีนกับนายกฯ อินเดียลงนามรับหลักการนี้ในวันที่ ๒๘มิ.ย.ในปีนั้น และวันถัดมานายกรัฐมนตรีจีนก็ลงนามในเอกสารยืนยันหลักการเดียวกันกับผู้นำพม่าในขณะนั้น ซึ่งได้แก่ (๑) การเคารพอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนซึ่งกันและกัน(๒) การไม่รุกรานซึ่งกันและกัน (๓) การไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศซึ่งกันและกัน (๔) การรักษาความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน และ (๕) การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
๓. ในการเยือนเมียนมาร์ครั้งดังกล่าว มุ่งส่งสารที่สำคัญ ๓ ประการ ได้แก่ (๑) รัฐบาลและประชาชนจีนจะยืนหยัดสนับสนุนรัฐบาลและประชาชนเมียนมาร์ เดินบนหนทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับสภาพความจริงของประเทศโดยส่งเสริมการพัฒนาของเมียนมาร์ (๒) ความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีน–เมียนมาร์ มีพื้นฐานที่ลึกซึ้ง และใช้ความพยายามร่วมกันในการสร้างสรรค์อนาคตระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย และ (๓) จีนยินดีผลักดันความร่วมมืออย่างแข็งขันกับเมียนมาร์ ตลอดจนเร่งรัดข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” โดยเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศเมียนมาร์ นอกจากนี้ จีนยังได้เสนอให้ร่วมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษย์ ก็เพื่อหวังว่า ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจะอยู่เย็นเป็นสุขอย่างสันติ เพื่อประโยชน์และชัยชนะร่วมกัน การสร้างสรรค์อนาคตร่วมกันของมนุษย์เริ่มต้นจากประเทศเพื่อนบ้านของจีนเป็นอันดับแรก โดยยืนหยัดการเป็นเพื่อนบ้านฉันมิตรที่สันติและได้รับประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ จีนได้ดำเนินความร่วมมือกับต่างประเทศโดยปราศจากการบังคับมาโดยตลอด อีกทั้งยังไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น คัดค้านการเอาชนะและลัทธิลำพังฝ่ายเดียว อีกทั้งจีนยังยินดีร่วมมือกับเมียนมาร์ผลักดันความร่วมมือด้านระเบียงเศรษฐกิจจีน–เมียนมาร์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้กรอบ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” เพื่อผลประโยชน์มากขึ้นแก่ประชาชนในท้องถิ่นตลอดจนยืนหยัดสนับสนุนเมียนมาร์รักษาสิทธิประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย และศักดิ์ศรีของประเทศบนเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
บทสรุป ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำท่าทีที่ชัดเจนต่อเมียนมาร์ว่า จีนจะยืนหยัดสนับสนุนเมียนมาร์ในการเลือกหนทางการพัฒนาของตนเอง รวมทั้งยินดีส่งเสริมมิตรภาพฉันพี่น้องระหว่างประเทศและประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งสอง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประชาคมที่มีอนาคต
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.xinhuanet.com/english/2020-01/18/c_138714325.htm รวมทั้งเว็บไซต์ http://www.chinaembassy.or.th/eng/zgyw/t1733685.htm และเว็บไซต์http://asianews.it/news-en/Xi-Jinping-visits-Myanmar:-economics-and-geopolitics-on-the-table-49054.html )